นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า ปัจจุบันร้านทองมีมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด 400,000-500,000 ล้านบาท แต่เข้าระบบภาษีจริงๆเพียง 200,000-300,000 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นหากในอนาคตจะต้องเชื่อมโยงกับระบบ E-payment ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2559 จะทำให้กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบการซื้อขายได้จากเครื่องรูดบัตรอัตโนมัติ
โดยในระยะแรกมีการนำร่องออกใบกำกับภาษีซื้อขายทองจากผู้ค้าทองรายใหญ่ที่เข้าระบบแล้ว 75 ราย จากทั้งหมด 7,000 รายทั่วประเทศ และหากธุรกิจมีรายได้ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่ลงบัญชีทางการเงินตามกฎหมายใหม่จะเข้าข่ายการฟอกเงินและถูกยึดทรัพย์ได้ในทันที
กรมสรรพากร ยืนยันว่า ภาษีนิติบุคคลจะทำให้ห้างร้านเสียภาษีต่ำกว่าภาษีบุคคลธรรมดาและหากธุรกิจทั้งหมดเข้าสู่ระบบ E-payment จะทำให้ลดต้นทุนของประเทศลงได้ 7.5 หมื่นล้านบาท
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ยอมรับว่า ผู้ประกอบการยังกังวลและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสียภาษีนิติบุคคล แต่หากกรมสรรพากรยืนยันว่าจะทำให้เสียภาษีลดลงก็พร้อมให้ความร่วมมือ
ส่วนทิศทางทองคำในตลาดโลกยังคงผันผวนและราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น แต่ในปี 2559 น่าจะเห็นราคาทองขยับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1,3000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หากเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่บาทละ 22,000 บาท