คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้ตัดสินให้ กทม.รับรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยทั้งหมด 345 คัน ประกอบด้วยรถดับเพลิง 315 คัน และเรือดับเพลิงอีก 30 ลำ ซึ่งเป็นของกลางในคดีฮั้วประมูลจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของ กทม. ด้วยงบประมาณ 6.6 พันล้านบาท เมื่อปี 2546
รถและเรือดับเพลิงส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่โกดังถนนบางกรวย-ไทรน้อย และบางส่วนอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจนถึงขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่ยังไม่สามารถนำมาใช้งานได้
าสุด พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครระบุว่าสาเหตุที่นำอุปกรณ์เหล่านี้มาใช้งานได้ล่าช้า เนื่องจากได้สั่งการให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบสภาพรถดับเพลิงที่จอดไว้บริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อยอย่างละเอียดทุกคัน ไม่ใช่สุ่มตรวจ เพื่อประเมินค่าความเสียหายอย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าใช้งบประมาณซ่อมแซมที่เสื่อมสภาพประมาณ 180 ล้านบาท ยืนยันว่ารถทุกคันอยู่ในสภาพใช้งานได้
ส่วนการยกเว้นอากรและภาษีมูลค่าเพิ่มรถและเรือดับเพลิงเพื่อนำรถและเรือออกมาซ่อมแซมก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา ส่วนการตรวจสอบสภาพการใช้งานนั้น กทม. จะเชิญหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น คณะวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และกองช่างทหาร ร่วมตรวจสอบด้วย คาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ โดยจะนำสื่อมวลชนร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพรถและการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย