วานนี้ (26 พ.ค.2559) นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ฝนที่ตกในหลายพื้นที่ส่งผลให้ขณะนี้มีน้ำที่ใช้การได้ทั้งหมดทั่วประเทศ 7,820 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่าปี 2558 อยู่ที่ 3,191 ล้านลูกบาศก์เมตรโดยในเวลาเดียวกันกับปี 2558 มีน้ำที่ 11,011 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา เช่น เขื่อนภูมิพล, สิริกิติ์, แควน้อย และป่าสักชลสิทธิ์ ที่ปีนี้มีน้ำเพียง 1,437 ล้านลูกบาศ์กเมตร น้อยกว่าปี 2558 ถึง 1,020 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะเห็นว่าปริมาณน้ำต้นทุนมีจำกัดและยังวิกฤติต่อเนื่อง
ดังนั้นในช่วง 4 เดือนที่จะเข้าฤดูฝน ตั้งแต่เดือน ก.ค.- ต.ค. กรมชลประทานต้องบริหารจัดการน้ำ ที่เน้นการกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุด ตามเกณฑ์มาตรฐานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างถึงจะรอดพันวิกฤติไม่เกิดปัญหาไปจนถึงปี 2560
อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ระบุต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 20-26 พ.ค.2559 มีน้ำเข้าเขื่อนขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศ 33 แห่ง มีปริมาณ 321 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ฝนจะตกแต่คงตกกระจายเป็นจุดๆ ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยมาก ดังนั้นขอให้เกษตรกรในเขตชลประทาน หากทำนาให้ยึดน้ำฝนเป็นหลัก อย่าหวังพึ่งน้ำจากชลประทาน เพราะปีนี้น้ำน้อยกว่าปีที่แล้ว 1,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร