หากมีคำถามว่าไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไรถ้าอังกฤษเลือกถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป บรรดานักวิเคราะห์ต่างให้คำตอบตรงกันว่าความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ในระยะสั้นตลาดเงินตลาดทุนจะมีความผันผวนสูงมาก
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอังกฤษโดยตรงอยู่ในระดับต่ำ เช่น ปริมาณการค้าไม่ถึงร้อยละ 2 ของการค้ารวมไทย และนักท่องเที่ยวอังกฤษมีเพียงร้อยละ 3 ของนักท่องเที่ยวที่มาไทย แต่ด้วยขนาดเศรษฐกิจของอังกฤษที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของอียู จึงมีความเป็นไปได้สูงที่อียูจะได้รับผลกระทบและส่งผ่านมายังไทย
ขณะที่นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า หากอังกฤษยังอยู่กลุ่มอียูต่อจะส่งผลกระทบระยะสั้น เพราะนักลงทุนปรับตัวรับความผันผวนดังกล่าว แต่ได้เตรียมเครื่องมือทางการเงินเพื่อรับมือแล้ว แต่หากอังกฤษออกจากกลุ่มอียูจะกระทบระยะกลางและระยะยาวมากกว่า จึงยังต้องติดตามวิธีการออกจากกลุ่ม ซึ่งคงมีเวลาเปลี่ยนผ่านและไม่ใช่การออกแบบทันทีทันใดจนกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า จากการติดตามบรรยากาศตลาดทุนในสหรัฐฯ หรือยุโรป ค่อนข้างให้น้ำหนักว่าอังกฤษจะอยู่ในกลุ่มอียูต่อไป โดยคาดว่าภายในพรุ่งนี้เช้า (24 มิ.ย.2559) ก่อนตลาดหุ้นไทยและออสเตรเลียเปิดตลาดอาจเห็นผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้น แต่เชื่อว่าจะกระทบระยะสั้น ไม่มีการเทขายรุนแรง หรือแบล็กฟรายเดย์ เพราะทุกฝ่าย รู้ล่วงหน้าถึงกำหนดการนี้และได้เตรียมตัวรับมือและลดความเสี่ยงระดับหนึ่ง โดยในส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเตรียมตัวและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ ทั้งระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ หรือการประกาศให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารนักลงทุนอย่างรวดเร็ว
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดจากนักลงทุนไทยไปลงทุนในยุโรปนั้น เลขาธิการ ก.ล.ต. ยืนยันว่าการลงทุนของกองทุนรวมไทยในอังกฤษและสหภาพยุโรป มีเพียงร้อยละ 1.6 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมทั้งหมดเท่านั้น โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้และตราสารทุนที่ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้คุณภาพดีร้อยละ 47