วันนี้ (6 ก.ค.2559) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำนางสุกัญญา ศิริม่วง และ น.ส.วณิชยา บุ้นสุนเฮง หรือ น้องมีน บุตรสาว น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือ น้องก้อย และครอบครัว พร้อมด้วย น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือ หนูนา และสามีชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้เสียหายที่ถูกนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ หญิงไก่ แจ้งความว่า ลักทรัพย์นายจ้าง เข้าพบนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือในคดีที่ถูกหญิงไก่ แจ้งความคดีลักทรัพย์นายจ้าง
นายสงกานต์ เปิดเผยว่า ในวันนี้เตรียมนำ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือ น้องก้อย และครอบครัว พร้อมด้วย น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือ หนูนา และสามีชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้เสียหายที่ถูกนางมณตาแจ้งความว่า ลักทรัพย์ เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เกี่ยวกับความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วย
ด้านนางสุกัญญา เปิดเผยว่า ทำงานกับนางมณตามาประมาณ 1 เดือน ได้ค่าจ้าง 600 บาท แต่นางมณตาห้ามออกจากบ้านจึงเกิดความอึดอัดและลาออก แต่นางมณตาพร้อมด้วยตำรวจนครบาลประชาชื่นนายหนึ่งได้ข่มขู่และบังคับให้รับสารภาพว่า ลักทรัพย์ โดยอ้างว่ามีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด จึงเกิดความกลัวรับสารภาพไป ส่วนตำรวจนายดังกล่าวเคยเห็นมาที่ห้องพักนางมณตาหลายครั้งแต่ไม่รู้ทราบชื่อ พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวไม่เคยเห็นทรัพย์สินจำนวนมากในห้องพักของนางมณตามาก่อน
ขณะที่ นายเดชอุดม เปิดเผยว่า จะรับพิจารณารายละเอียดของผู้เสียหายแต่ละคดี อาจพิจารณาตั้งเป็นคณะกรรมการและจะดูเรื่องของประเด็นในรายละเอียดของคดี ที่อาจจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรื้อคดีใหม่เพราะมีประเด็นข้อเท็จจริงใหม่เกิดขึ้นในคดีและต้องดูว่าคดีนี้มีการกระทำผิดเป็นลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่เพราะมีข้อมูลว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายคน ที่ยังไม่สามารถติดตามตัวได้
ส่วนตัวเชื่อว่า คดีนี้ในชั้นพนักงานสอบสวน น่าจะมีการทำงานสรุปสำนวนคดีอย่างเร่งรีบ เนื่องจากปัจจุบันคดีในชั้นพนักงานสอบสวนอาจจะมีคดีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะจะส่งผลให้เกิดความบกพร่องทำให้ผู้ไม่ได้กระทำผิดต้องรับโทษทั้งที่ไม่ได้ทำความผิด
ด้าน นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมาย สภาทนายความ เปิดเผยว่า คดีที่สภาทนายความเกี่ยวข้องโดยตรง คือ สภาทนายความเคยให้การช่วยเหลือ คดีของ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือ น้องก้อย และครอบครัวเพราะเคยมาเขียนคำร้องให้ช่วยเหลือ โดยครอบครัวน้องก้อย ถูกนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีลักทรัพย์ ที่สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น จึงจัดทนายความอาสาเข้าไปดูคดี และพบว่า พนักงานสอบสวนตั้งวงเงินประกันตัวครอบครัวน้องก้อย รวม 3 คน เป็นเงิน 9 ล้านบาท โดยสภาทนายความรับเป็นกรณีผู้ยากไร้ เพื่อให้ความช่วยเหลือ
จากการสอบข้อเท็จจริง ทั้งครอบครัวมีความประสงค์จะเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ทนายความได้เข้าคำแนะนำว่า หากไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอก็ไม่ควรเข้าพบ เพราะจะถูกควบคุมตัวได้ ซึ่งจากพฤติกรรมตรงนี้ ชี้ให้เห็นว่า ปกติผู้ที่กระทำผิดมักไม่ประสงค์เข้าแสดงความบริสุทธิ์กับตำรวจ แต่คดีนี้ผู้ถูกกล่าวหากลับมีความประสงค์เข้าพบพนักงานสอบสวน ส่วนผู้เสียหายที่เหลือ ที่ถูกนางมณตาแจ้งความในคดีลักษณะเดียวกัน สภาทนายความ จะรับเรื่องไว้ช่วยเหลือ
ขณะที่ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยหลังร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามว่า เป็นการหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการสืบสวนสอบสวนคดีหญิงไก่ หลังจากที่เมื่อวานนี้ศาลอาญาไม่ออกหมายจับนางมณตาตามที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยื่นคำร้องขอ ซึ่งจากนี้พนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลและกองปราบปราม จะต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอีกครั้ง