วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า ขณะนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอยู่ระหว่างการตรวจสอบบริษัทนอมินีใน 10 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต ชลบุรี และกรุงเทพฯ ธุรกิจที่มีการตรวจสอบพบมากที่สุดคือ ธุรกิจสปา ร้านอาหาร นำเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ เช่ารถ ขายของที่ระลึก ขายตรง ส่วนมาตรการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเข้มงวดการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวใหม่มากขึ้น และหากพบธุรกิจที่ใช้คนไทยอำพรางจะมีการสั่งปิด
สำหรับนิติบุคคลที่ถือหุ้นโดยต่างชาติไม่เกินร้อยละ 49 มี 5,103 ราย โดยมีกลุ่มธุรกิจเสี่ยง 1,922 ราย แต่ได้มีการคัดกรองแล้วและมีธุรกิจต้องตรวจสอบ 474 ราย
ส่วนบริษัทชาวจีนที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในไทย ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2543 ถึง 30 มิถุนายน 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 136 ราย ซึ่งมีทั้งสำนักงานผู้แทน ภูมิภาค 34 ราย นายหน้าตัวแทน ค้าปลีก ค้าส่ง 6 ราย ก่อสร้าง บริการทางวิศวกรรม เป็นที่ปรึกษาโครงการให้แก่ ภาครัฐ 35 ราย และธุรกิจบริการ 61 ราย แต่ลักษณะของการทำธุรกิจทัวร์ของต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพรางเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะทัวร์รัสเซียในพัทยา
ผลกระทบที่สำคัญหากไม่สามารถจัดการระบบทัวร์จากต่างชาติที่ใช้คนไทยถือครองแทน เงินหมุนเวียนที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเมินไว้ในปีนี้อาจจะทำไม่ได้ถึงเป้าหมาย 2.2 ล้านล้านบาท แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นก็ตาม
ส่วนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย จะมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน