วันนี้ (31 ก.ค.) พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ป่วยต้องสงสัยน่าจะป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส เป็นชายชาวคูเวต อายุ 18 ปี ยังรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ได้แยกตัวผู้ป่วยเอาไว้ในห้องแยกโรคความดันเป็นลบ อาการทั่วไปดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่ไอ สามารถรับประทานอาหาร และทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ภายใน 14 วัน นับจากวันที่ 26 ก.ค. หากผลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ 3 แห่ง คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี ยืนยันว่า ไม่พบเชื้อแล้ว ก็จะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ โดยวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินอาการผู้ป่วย ว่าต้องเฝ้าระวังอีกกี่วัน
ด้าน นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องจากตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ผู้ป่วยยืนยัน กลุ่มที่น่าจะป่วยติดเชื้อฯ และ กลุ่มที่ไม่แน่นอน ซึ่งผู้ป่วยรายนี้อยู่ในกลุ่ม 2 เพราะต้องรอผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการ
“ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม แต่ได้มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงญาติ 2 คน และคนขับแท็กซี่ที่ผู้ป่วยโดยสารมาก็รับเข้ามาดูแลที่สถาบันบำราศนราดูรเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคทราบชื่อและจำนวนผู้ร่วมโดยสารมากับเครื่องบินลำเดียวกันทั้งหมดแล้ว และขอให้ประชาชนอย่าแตกตื่น” นพ.อำนวยกล่าว
องค์การอนามัยโลก รายงานสถานการณ์ของโรคเมอร์ส ว่าขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันจากทั่วโลกเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 1,791 คน เสียชีวิต 640 คนจาก 27 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ขณะที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อมิถุนายน 2558 และรายที่สองเมื่อมกราคม 2559 และผู้ต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคเมอร์สคนที่ 3 ชาวคูเวต อายุ 18 ปี ซึ่งเดินทางมาถึงไทยวันที่ 25 กรกฎาคมพร้อมกับพ่อและย่า โดยพาย่ามารักษาโรคข้อเข่าที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และเริ่มมีไข้วันที่ 26 กรกฎาคม และผลตรวจเบื้องต้นพบว่ามีเชื้อจึงส่งมารักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร