วันนี้ (9 ก.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสื่อมาเลเซียรายงานอ้างคำพูดสมาชิกบีอาร์เอ็นว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดหน้า รร.บ้านตาบา จ.นราธิวาส ซึ่งบีอาร์เอ็นเป็นส่วนประกอบของมาราปาตานี ในขณะที่วานนี้ (8 ก.ย.) กลุ่มมาราปาตานีกลับออกแถลงการณ์ประณามเหตุระเบิด นี้อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มมาราปาตานีถูกกดดันจากกระแสเรียกร้องสันติภาพของคนในพื้นที่จึงต้องแสดงท่าทีบางอย่างเพื่อรักษามวลชน
แถลงการณ์ของกลุ่มมาราปาตานีที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก "Mara Patani-OfficialPage" เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อประณามการก่อเหตุระเบิดหน้าโรงเรียนบ้านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส นับเป็นครั้งแรกที่มีการสื่อสารโดยตรงจากกลุ่มผู้คิดต่างต่อเหตุรุนแรง แม้ว่าท่าทีของกลุ่มมาราปาตานีครั้งนี้ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับคำอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของบีอาร์เอ็นที่ถูกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ "เบนาร์นิวส์" ว่าเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้เพราะไม่พอใจในความไม่จริงใจของรัฐบาลไทยในการพูดคุยสันติสุข
แต่ในมุมมองของ ฮาร่า ชินทาโร่ นักวิชาการอิสระด้านมาลายูศึกษา กลับเห็นว่าความเห็นที่แตกต่างกันนี้ไม่ได้สะท้อนว่า กลุ่มมาราปาตานีคุมกองกำลังในพื้นที่ไม่ได้เพราะผู้ก่อความไม่สงบมีหลากหลายกลุ่มทั้งในปีกของภาคการเมือง หรือปีกของกองกำลัง และเห็นว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า เสียงของคนในพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงกับพลเรือนและขอพื้นที่ปลอดภัยมีผลต่อคู่ขัดแย้งจนต้องออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อๆ ต่างๆ แต่การส่งเสียงของประชาชนต้องแสวงหาจุดยืนรวมกันเพื่อให้ความต้องการมีพลังมากขึ้น
ตรงกับความเห็นของ รอมฎอน ปันจอร์ บรรณาธิการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กลับมองว่าการออกแถลงการณ์ของกลุ่มมาราปาตานีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผลการหารือร่วมกันกับคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยในวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกเรื่องของการสร้างพื้นที่ปลอดภัยเป็นประเด็นหลัก ซึ่งหากกลุ่มมาราปาตานีไม่มีการแสดงท่าทีใดๆ ก็อาจแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ นอกจากนี้เหตุระเบิดที่หน้าโรงเรียนบ้านตาบาก็อาจทำให้กลุ่มมาราปาตานีในฝ่ายกองกำลังอาจต้องทบทวนถึงวิธีการที่ใช้ในการต่อสู้เพื่อไม่ให้สูญเสียมวลชน
ในขณะที่ความเห็นส่วนใหญ่ของครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน จ.ปัตตานี ที่เข้าร่วมในเวทีประชุมเชิงปฎิบัติการความหวัง ความกังวล และหนุนเสริมกระบวนการสันติภาพ ที่ต้องการเห็นคู่เจรจามีความจริงจังในการพูดคุยสันติสุขและเร่งผลักดันการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดขึ้นได้จริง