วันนี้ (10 ต.ค.2559) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรภาคภาค 2 ตำรวจภูธรภาคภาค 7 ตำรวจสันติบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจสอบสวนกลาง หลังมีการข่าวแจ้งเตือนว่าจะมีกลุ่มเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค.2559 จำนวน 3 จุด โดยมีเป้าหมายเป็นแหล่งชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ยอมรับว่า การแจ้งเตือนที่ผ่านมามักจะเป็นการแจ้งเตือนการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากช่วงเดือนตุลาคมเป็นวันครบรอบของเหตุการณ์หลายอย่าง รวมทั้งเป็นวันสถาปนาของกลุ่มต่างๆ ส่วนการแจ้งเตือนในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ แต่คาดว่าต้องการสร้างสถานการณ์
รองผบ.ตร.ให้ข้อมูลด้วยว่าวันนี้ (10 ต.ค.) เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยมีความเป็นห่วงสถานการณ์จึงได้เดินทางมาสอบถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งตำรวจยืนยันว่าได้กำชับให้ทุกหน่วยกำหนดมาตรการป้องกันเหตุการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรมในทุกพื้นที่แล้ว และเน้นสืบสวนหาข่าวเชิงลึกด้านความมั่นคง เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลเป้าหมาย
ตร.ภูธรภาค 8 เตือนระวังเหตุระเบิดคล้ายวินาศกรรม 11-12 ส.ค.
การข่าวของฝ่ายความมั่นคงพบความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนถึงแผนการวางระเบิดตามสถานที่สำคัญคล้ายกับเหตุการณ์วินาศกรรมในหลายจังหวัดเมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.2559 ซึ่งล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีหนังสือแจ้งเตือนตำรวจทุกพื้นที่ให้เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีหนังสือด่วนแจ้งเตือนให้ตำรวจทุกสถานีเฝ้าระวังการก่อเหตุ ระบุว่า "ได้รับรายงานด้านการข่าวว่า จะมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายนำระเบิดมาเพื่อก่อความไม่สงบในพื้นที่" จึงขอให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และใช้มาตรการเชิงรุกในการปฏิบัติ โดยให้มีการประสานการปฏิบัติร่วมกันในพื้นที่สำคัญ เช่น สนามบิน ท่าเรือโดยสาร สถานีรถไฟ และแหล่งท่องเที่ยว
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ทุกสถานีที่เป็นจุดตรวจร่วมสัมพันธ์เพิ่มความถี่ในการตั้งด่านตรวจบนถนนเพชรเกษมหรือถนนสาย 41 โดยให้สถานีตำรวจแต่ละแห่ง ดำเนินการตั้งด่านตรวจสลับสับเปลี่ยนกันครั้งละ 3 ชั่วโมง และย้ายจุดไปตามพื้นที่ แต่ละสถานีตำรวจรับผิดชอบให้ครอบคลุมตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังคงมีจุดตรวจร่วมความมั่นคงถาวร ที่จะตั้งด่านตรวจตลอด 24 ชั่วโมง