วันนี้ (21 พ.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่ากระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ โดยมาตรการแรก เป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในช่วง 2 สัปดาห์ในวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ มาลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท เมื่อรวมกับมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวที่ออกมาก่อนหน้านี้ซึ่งลดหย่อนได้ 15,000 บาทอยู่แล้ว ก็จะทำให้ทั้งปีใช้สิทธิได้สูงสุดถึง 30,000 บาท
มาตรการที่ 2 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าและบริการช่วงปลายปีไม่เกิน 15,000 บาทจากผู้ประกอบการที่มีใบกำกับภาษีถูกต้อง ซึ่งมาตรการนี้เคยนำมาใช้แล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่วนมาตรการสุดท้าย คือยกเว้นภาษีศุลกากรนำเข้า และยกเว้นสรรพสามิต สินค้าประเภทเครื่องสำอางและน้ำหอม เพื่อช่วยอุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 เดือน
รศ.สมประวิณ มันประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยถึงกรณีที่การออกมาตรการครั้งนี้ ทำให้เกิดคำถามว่ากำลังซื้อของประชาชนอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงหรือไม่ว่า มองว่ากำลังซื้อฟื้นตัวขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ภาวะจิตใจของคนไทยอยู่ในความเศร้าโศก แต่รัฐได้กระตุ้นกลุ่มภาคเกษตรไปมากพอสมควรแล้ว ครั้งนี้จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง
รศ.สมประวิณ กล่าวอีกว่า รัฐอาจต้องการให้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว มาชดเชยผลกระทบจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญได้บางส่วน และต้องการให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่สำหรับการยกเว้นภาษีน้ำหอมและเครื่องสำอางยังไม่มั่นใจว่าจะมีผลดีมากน้อยเพียงใด ต้องฟังเหตุผลจากรัฐบาลอีกครั้ง แต่มาตรการต่างๆ ควรมีการประกาศล่วงหน้า เพื่อให้เตรียมตัวได้ทัน ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า