วันนี้ (21 พ.ย.2559) นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านตลาดตราสารหนี้ เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน จำนวน 5.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.73 ของจีดีพี ซึ่งลดลงต่ำกว่าประมาณการณ์ที่ร้อยละ 44 ของจีดีพี หลังกฎหมายปรับปรุงการชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) ซึ่งกำหนดให้ระบุแหล่งรายได้ให้ชัดเจน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการ บริหารหนี้ ลดลงได้กว่า 5 หมื่นล้านบาท จากประมาณการณ์เดิม 150,000 ล้านบาท ประกอบกับผลประกอบการรัฐวิสาหกิจบางส่วนดีขึ้น ลดหนี้ได้ถึง 70,000 ล้านบาท อีกทั้งยังได้เงินชำระหนี้จากการระบายข้าว 40,000 ล้านบาท แต่หนี้โครงการรับจำนำยังคงค้างอีกกว่า 420,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.7 ของหนี้สาธารณะ และคาดว่าปีหน้าจะชำระได้อีกไม่น้อยกว่า 23,000 ล้านบาท พร้อมประเมินแนวโน้มหนี้สาธารณะในปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 45.5 ของจีดีพี เนื่องจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของรัฐบาลจะระดมเงินกู้ ไม่น้อยกว่า 220,000 ล้านบาท
น.ส.อุปมา ใจหงษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาล อายุ 3 และ 7 ปี ระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ถึง 4 เมษายน 2560 อัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับตลาด แต่บวกเพิ่มเล็กน้อย จากปัจจุบัน ตราสารอายุ 3 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 1.7 และ 7 ปี ที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี เพื่อบริหารงบประมาณขาดดุล และเป็นทางเลือกการออมของประชาชน ผ่านธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง ได้แก่ กรุงไทย กรุงเทพ กสิกร และไทยพาณิชย์