นับเป็นฝันร้ายของผู้ใช้รถก่อนจะถึงเทศกาลปีใหม่กับอุบัติเหตุรถโดยสารตกเหวเขาพลึง ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ลึก 150 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บ 20 คน ซึ่งรอยชนบริเวณฝั่งคนขับเป็นข้อมูลสำคัญที่พอจะระบุว่าเกิดอะไรกับรถที่เพิ่งออกจากต้นทางได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง
รอยชนฝั่งคนขับกับแท่งแบริเออร์ตรงกลางถนน ทำให้ข้อสันนิษฐานที่ถูกพูดถึงในขณะนี้ คือ คนขับอาจไม่ชินทาง อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคม ยอมรับว่าต้องปรับปรุงถนนปลอดภัยมากขึ้น
ทางหลวงเส้นนี้ คือ หมายเลข 11 มีขนาด 4 ช่องจราจร เกาะกลางถนนสร้างอยู่บริเวณเขา ทำให้ทางมีลักษณะโค้งที่สลับซ้อน ความลาดชันทำให้คนขับเส้นนี้จะต้องใช้แรงทั้งขึ้นและลงเขา และมีโค้งต่อด้านหนึ่งชิดเหว ทำให้มีแบริเออร์ขั้นทั้งบริเวณกลางถนนและริมเหว
จุดที่รถโดยสารตก ช่วง กม.350 ขาล่อง มีความชันประมาณ 8 องศา ซึ่งเป็นฝั่งชิดกับเหว ตำรวจสันนิษฐานว่า หลังจากชนแบริเออร์ คนขับอาจจะหักพวงมาลัยออก ทำให้ด้านซ้ายของรถชนเข้าที่แบริเออร์ที่กั้นรถไม่ให้ตกเขา แต่ด้วยแรงส่งจากถนนขาลง ทำให้แบริเออร์ไม่สามารถทานแรงรถได้
สภาพถนนเป็นปัจจัยหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้ง แต่ที่น่าสนใจคือ วันนี้ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แถลงข่าวเพื่อยืนยันเกี่ยวกับคนขับรถว่า อาจไม่ได้ใช้ความเร็วมากนักและไม่ได้ออกนอกเส้นทางแน่นอน
นพ.ธนพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ประเมินว่าคนขับอาจจะไม่ชำนาญเส้นทางด้วย 3 ปัจจัย คือ รถทัวร์ที่เกิดเหตุอยู่ในหมวด 30 ซึ่งเป็นรถทัศนาจร คนขับไม่ประจำทาง เวลาขึ้น-ลงเขาอาจใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสม อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดจากการหลับใน เพราะมีคนขับ 2 คน ตามที่ บขส. กำหนดสำหรับรถที่วิ่งเกิน 400 กม. และรถคันนี้เพิ่งเดินทางออกมาจาก จ.แพร่ คนขับไม่น่าจะเหนื่อยล้า
สำหรับรถคันดังกล่าวใช้งานมา 6 ปี จากอายุการใช้งานเต็ม 30 ปี เพิ่งตรวจสอบสภาพเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่พบความผิดปกติ