วันนี้ (23 พ.ย.2559) นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ระบุว่า การประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 ที่เมืองมาร์ราคิซ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งถือเป็นการประชุมร่วมกับรัฐภาคีภายใต้ข้อตกลงปารีสครั้งแรก หลังจากที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2559 ที่ประชุมมีข้อตกลงจะจัดทำโรดแมป ตามข้อตกลงปารีสให้เสร็จก่อนปี 2018 เนื่องจากข้อตกลงมีผลบังคับใช้เร็วกว่ากำหนด จึงต้องเร่งจัดทำกลไกต่างๆให้แล้วเสร็จ
โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามที่ประเทศสมาชิกได้เสนอไว้ ซึ่งประเทศไทยเสนอไว้ที่ร้อยละ 20-25 ทั้งนี้ ในกลุ่มประเทศ G77 ที่ไทยเป็นประธาน ได้เน้นย้ำข้อเรียกร้องในเรื่องของการเพิ่มศักยภาพ และเสริมสร้างเทคโนโลยีให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเรื่องการสนับสนุนทางการเงินที่จะมีการระดมทุน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีให้ได้ภายในปี 2020 เพราะเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
ส่วนกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมพ์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศจะยกเลิกการให้คำมั่นในข้อตกลงปารีสที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาลงนามไปเมื่อปีที่แล้วนั้น นางรวีวรรณให้ความเห็นว่า ตามหลักการของข้อตกลงปารีส หลังจากที่ลงสัตยาบันในข้อตกลงแล้วต้องอยู่ในภาคีครบ 3 ปี ถึงจะสามารถขอยื่นออกจากภาคีได้ อย่างไรก็ตาม ต้องดูท่าทีของนายทรัมพ์ต่อไป