นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่าได้ให้นโยบายกับปลัดกระทรวงการคลังและสำนักงานเศรษฐกิจการคลังทบทวนกำหนดการเปิดรับลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ผ่านธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย
นายอภิศักดิ์กล่าวว่า การเปิดรับลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐควรเลื่อนให้เร็วขึ้น จากปกติเปิดรับลงทะเบียนในเดือนกันยายนของทุกปี พร้อมกับเห็นว่าควรเพิ่มรอบการลงทะเบียน จากปกติจะเปิดรับเพียงปีละครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยทุกกลุ่ม และนำข้อมูลที่ได้มาออกแบบมาตรการเศรษฐกิจที่เหมาะสม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยอมรับว่าการลงทะเบียนที่ผ่านมา มีผู้มาลงทะเบียนเพียง 8.3 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร 3 ล้านคน และไม่ใช่เกษตรกร 5.4 ล้านคน สาเหตุที่มีผู้ลงทะเบียนไม่มากนักเนื่องจากประชาชนอาจไม่เชื่อว่า การลงทะเบียนในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับประโยชน์จริง แต่เชื่อว่าการลงทะเบียนรอบใหม่ จะมีผู้มาลงเบียนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้รัฐจะได้ฐานข้อมูลที่ใกล้เคียงความเป็นจริงและออกมาตรการตรงกับผู้ต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่ต้องออกมาตรการแบบหว่านทุกคนเหมือนในอดีต ซึ่งจะช่วยประหยัดและเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการงบประมาณ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังพร้อมเดินหน้าออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โดยลดค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุป
คุณสมบัติผู้มีสิทธิลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2559 มีวัตถุประสงค์ช่วยให้รัฐบาลมีข้อมูลที่ถูกต้องและนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการจัดสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างเหมาะสม โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียน ได้แก่
1.มีสัญชาติไทย
2.มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยต้องเกิดก่อนวันที่ 16 สิงหาคม 2541
3.ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทในปี 2558
4.ผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน เช่น รายได้ การถือครองทรัพย์สิน หนี้สินที่คงค้าง เป็นต้น เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลสำหรับนำไปใช้ในการจัดทำสวัสดิการของรัฐ