อุทกภัยใน จ.ตรังยังคงทวีความรุนแรง แม้ในช่วงบ่ายวันนี้ (4 ธ.ค.2559) ฝนจะหยุดทิ้งช่วง แต่น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ฝั่ง อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว และ อ.ปะเหลียน ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านอีก 3 อำเภอ ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 80 เซนติเมตร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
ล่าสุดมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมด 7 อำเภอ 30 ตำบล 80 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 20,000 คน พื้นที่ทางเกษตรจมน้ำกว่า 15,000 ไร่
ส่วนที่ จ.พัทลุง ระดับน้ำท่วมขังได้เพิ่มระดับสูงขึ้น หลายหมู่บ้านมีระดับน้ำสูงกว่า 1.50 เมตร ถนนเข้า-ออกหมู่บ้านถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่หลายครัวเรือนเตรียมอพยพขึ้นมาอาศัยบนถนนเพื่อความปลอดภัย
ที่ จ.กระบี่ ปริมาณน้ำในคลองพรุดินนา ต.ทุ่งไทรทอง อ.ลำทับ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 10 หลังคาเรือน ถนนภายในหมู่บ้าน พื้นที่การเกษตร สวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันกว่า 500 ไร่ ได้รับความเสียหาย ชาวบ้านต้องขนย้ายทรัพย์สินไว้ที่ปลอดภัย
ขณะที่ จ.ปัตตานี สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลายเช่นกัน มีรายงานว่าถนนสายริมทะเลพังเสียหายบางส่วน ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรไปมา
นายโสภณ ทองไสย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครศรีธรรมราช สาขาสิชล แนะนำให้ผู้ใช้ยานพาหนะหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางซึ่งถูกน้ำท่วมขัง เพราะจะมีความเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากผู้ขับขี่ไม่สามารถความมองเห็นความเสียหายของผิวจราจรในช่วงที่ถูกน้ำท่วมได้
สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.สิชลทำให้คอสะพานเสียหายกว่า 30 แห่ง และถนนได้รับความเสียหายกว่า 100 สาย หนึ่งในนั้นคือถนนเส้นทางเข้าวัดเขาพนมไตย ที่ทางทีมข่าวไทยพีบีเอสได้เข้ารายงานสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อวานนี้ ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นเส้นทางเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถใช้ถนน โดยหลังน้ำลดพบว่าถนนสายดังกล่าวมีความเสียหายอย่างหนัก คอสะพานถูกน้ำซัดจนเกือบขาด
นายพล ชุมชู ชาว อ.สิชล บอกว่าถนนทางเข้าวัดเขาพนมไตย ถือเป็นเส้นทางเสี่ยงอย่างมากและแทบจะไม่มีผู้ใช้ถนนเส้นทางนี้สัญจรในช่วงที่เกิดภาวะน้ำท่วม
สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 19 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนกว่า 200,000 คน พื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมสูง ได้แก่ พื้นที่ลุ่มต่ำชายฝั่งอ่าวไทย โดยเฉพาะ อ.เมือง อ.ปากพนัง และ อ.สิชล ซึ่งนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า หากฝนไม่ตกลงมาเพิ่มสถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 วัน
กรมชลประทานรายงานสถานการณ์วันนี้ (4 ธ.ค.) ว่าฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังต่ำกว่าตลิ่ง การชลประทาน ระดมเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมแล้ว
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้าๆ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดต่างๆ พบว่าฝนที่ตกหนักในช่วงตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.- 4 ธ.ค.2559 ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมืองและพื้นที่การเกษตร