วันนี้ (6 ธ.ค.2559) นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ระบุว่า ธนาคารจะเปิดตัวสินเชื่อสำหรับวัยเกษียณนี้ได้ในต้นปี 2560 วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเรื่องเกณฑ์การบันทึกหนี้เสียกับธนาคารแห่งประเทศไทย เบื้องต้นการกำหนดเงื่อนไขผู้กู้ต้องมีอายุระหว่าง 60-85 ปี และให้วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ70 ของมูลค่าหลักประกันที่เป็นบ้านที่อยู่อาศัยของผู้กู้ ซึ่งหลักประกันดังกล่าวต้องปลอดจากภาระสินเชื่อในธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น และธนาคารจะจ่ายเงินสินเชื่อเป็นรายเดือนให้กับผู้กู้เพื่อเป็นรายได้ในวัยสูงอายุ ส่วนการคิดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง MLR ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ ซึ่งอัตราอาจเป็นลักษณะค่อยๆ ปรับขึ้นหรือค่อยๆ ลดลงจากปีแรกก็ได้
สินเชื่อนี้จะสิ้นสุดลงหากผู้ขอสินเชื่อเสียชีวิตก่อนอายุ 85 ปี ซึ่งธนาคารสามารถนำบ้านหลังนั้นขายทอดตลาด และหากได้ราคาสูงกว่าวงเงินสินเชื่อก็จะคืนเงินส่วนเกินให้แก่ทายาทหรือทายาทสามารถซื้อบ้านคืนได้ ส่วนกรณีผู้ขอสินเชื่อยังคงชีวิตอยู่หลังอายุเกิน 85 ปี ธนาคารจะทบทวนมูลค่าหลักประกันใหม่เพื่อขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมให้
ขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมปล่อยสินเชื่อโครงการนี้หรือที่เรียกว่าสินเชื่อรีเวอร์ส มอร์ทเกจ เช่นกันในวงเงิน 10,000 ล้านบาท แต่จะล่าช้าออกไปอย่างน้อย 1 ปี เพราะต้องเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้สอดคล้องกับกับสินเชื่อประเภทนี้ โดยนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวว่า พ.ร.บ.ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขนี้ได้ ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการขอแก้ไข พ.ร.บ.และกฎกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้กระทรวงการคลังเห็นชอบในหลักการแล้ว ขั้นต่อไปคือการเสนอไปยังกฤษฎีกาและสภา ซึ่งถ้าผ่าน ธอส.ก็พร้อมจะเปิดให้กลุ่มผู้สูงอายุกู้ในสินเชื่อประเภทนี้ได้
นายฉัตรชัย เปิดเผยด้วยว่า ปีหน้ากระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายให้ธนาคารฯ ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 5-6 หรือ เพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ซึ่งไม่กังวลกับหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลของธนาคาร เพราะปีนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปีจะอยู่ที่ร้อยละ 5.25 และปีหน้าจะต่ำกว่าร้อยละ 4