วันนี้ (13 ธ.ค.2559) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมเริ่มคลี่คลาย ยกเว้นในพื้นที่ลุ่มต่ำที่แม้ระดับน้ำจะลดลง แต่ยังมีความเสียหายทั้งที่อยู่อาศัย และพื้นที่การเกษตร ส่วนมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาเป็นพิเศษหลังกลุ่มชาวสวนส้มโอทับทิมสยาม จ.นครศรีธรรมราช ร้องขอนั้น เบื้องต้นต้องดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์ โดยมีคณะกรรมการทั้งระดับตำบล อำเภอ และจังหวัดพิจารณา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาสถานการณ์เช่นการสูบน้ำออกจากพื้นที่สวน หรือ ไร่ส้มโอ นั้นดำเนินการอยู่แล้ว เพราะพื้นที่สวนจะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่น้ำจะไหลไปรวมกัน ซึ่งต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหา
ขณะที่ สถานการณ์น้ำในแม่น้ำตาปี ที่ไหลผ่าน อ.พระแสง และ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี สูยังวิกฤตระดับน้ำสูงกว่า 10 เซนติเมตร ชาว ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ต้องเร่งขนทรัพย์สินไปอยู่ในที่ปลอดภัยหนีน้ำที่ท่วมสูงกว่าระดับวิกฤตประมาณ 17 เซนติเมตร หลังน้ำในคลองท่าสะท้อนซึ่งเป็นคลองสาขา ที่รับน้ำจาก อ.พระแสง และ อ.เคียนซา เอ่อล้นท่วมพื้นที่ และสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้มีอำเภอได้รับผลกระทบน้ำท่วม 17 อำเภอ ชาวบ้านกว่า 35,000 คน ได้รับความเดือดร้อน มีผู้เสียชีวิต 4 คน และสูญหาย 1 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 165 ล้านบาท
ส่วนที่ จ.ตรัง โรงเรียนหลายแห่ง ยังมีน้ำท่วมสูง เช่น โรงเรียนเทศบาล 7 วัดประสิทธิชัย โรงเรียนวัดคลองขุด และโรงเรียนวัดไพรสณฑ์ อ.เมืองตรัง ทำให้ต้องหยุดเรียนต่อเนื่อง ซึ่ง จ.ตรัง ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วม รวม 8 อำเภอ 58 ตำบล มีประชาชนเดือดร้อนกว่า 46,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน
ขณะที่ จ.พื้นที่ติดริมทะเลสาบสงขลาคือ อำเภอ ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และ สิงหนคร ปริมาณน้ำเริ่มลดลง เว้นพื้นที่ลุ่ม ที่ยังมีน้ำท่วมขัง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ต้องเร่งนำเครื่องสูบน้ำมาใช้ระบายน้ำลงทะเล ขณะที่การฟื้นฟูหลังน้ำลด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อเร่งสำรวจความเสียหาย และมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และยารักษาโรค ให้ผู้ประสบภัย