นักท่องเที่ยวไทย นำเงินดอลลาร์แลกเป็นเงินรูปีจากนาย เรนเจน (RANGAN) มัคคุเทศก์ท้องถิ่นชาวอินเดียโดย 1 ดอลลาร์สหรัฐจะแลกได้ 60 รูปี ต่ำกว่าอัตราแลกเปลี่ยนกลางที่ 67-68 รูปี หรือเป็นเงินไทยประมาณ 36 บาท และจำกัดการแลกเงินเพียงคนละ 10-20 ดอลลาร์เท่านั้น
มัคคุเทศก์ชาวอินเดีย บอกว่า ขณะนี้เงินรูปีหาแลกยาก เนื่องจากรัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่าสูงแบบเก่าคือ 500 และ 1,000 รูปี กะทันหัน ส่วนการแลกธบัตรใหม่ก็ทำได้จำกัด
ขณะนี้สถานการณ์ในอินเดียยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ประชาชนจำนวนมาก ยังคงต่อคิวเพื่อนำธน บัตรแบบเก่าไปฝากธนาคาร เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตรแบบใหม่ และรอกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการ รัฐบาลอินเดียจึงจำกัดการเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มเพียงวันละ 2,000-3,000 รูปีต่อบัญชีต่อวันเท่านั้น เพื่อกระจายให้ประชาชนใช้อย่างทั่วถึง ขณะที่ค่าเงินรูปีก็อ่อนค่าลง
โดย น.ส.ปฎิกรณ์ พิมพ์กล่ำ มัคคุเทศก์ บ.เวิล์ด เอ็กซ์พลอเรอร์ บริษัทนำเที่ยวไทย ระบุว่า ปัญหานี้กระทบนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวอินเดียอย่างมาก ที่ต้องประสบกับปัญหาแลกเงินรูปีแบบใหม่ยาก เนื่องจากรัฐบาลผลิตธนบัตรใหม่ไม่ทัน
มัคคุเทศก์ แนะนำว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางไปอินเดียในช่วงนี้ ควรแลกเงินรูปีให้เพียงพอกับความต้องการ เมื่อซื้อสินค้าอย่ารับเงินทอนที่เป็นธนบัตรรุ่นเก่า เนื่องจากมีร้านค้าบางแห่งยังเก็บเงินธนบัตรแบบเก่าไว้
สำหรับธนบัตรแบบเก่าฉบับ 500 และ 1,000 รูปี มีประมาณ 15 ล้าน 3 แสนล้านรูปี คิดเป็นร้อยละ 86 ของธนบัตรที่มีอยู่ 17 ล้าน 8 แสนล้านรูปี จึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดียอย่างมากเพราะธุรกรรมทางการเงินต้องอาศัยเงินสดที่ถูกยกเลิกไปนี้
ผู้ถูกกระทบรุนแรง คือประชาชนที่รับค่าจ้างรายวันเป็นเงินสด ซึ่งไม่ผ่านสถาบันการเงินเพราะมีชาวอินเดียประมาณ 300 ล้านคนเท่านั้น ที่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร ประชาชนจะต้องหันไปต้องการธนบัตรฉบับเล็กมากขึ้นส่วนคนรวยและธุรกิจนอกระบบหันไปใช้ธนบัตรฉบับ 2,000 รูปีมากขึ้น
นายมันโมหัน ซิงห์ อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย ระบุว่ามาตรการนี้ทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียลดลงร้อยละ 2 และส่งผลให้ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงอย่างมาก ซึ่งการยกเลิกธนบัตรของรัฐบาลอินเดียครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนนำเงินในตลาดมืดกลับเข้าสู่ระบบ แต่ก็ทำให้คนจำนวนมากไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน