เฟซบุ๊ก "พลเมืองต่อต้าน Single Gateway" เผยแพร่ข้อมูลว่าช่วงบ่ายวันนี้ (18 ธ.ค.) มีการนัดรวมตัวเพื่อคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 14.00 น. และที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เวลา 15.00 น. โดยการรวมตัวทั้ง 2 จุดนี้ไม่ปรากฏชื่อผู้นัดหมาย กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ระบุว่าพวกเขาเป็นเพียงสื่อกลางแจ้งข้อมูลเท่านั้น พร้อมกับเผยแพร่คำชี้แจงข้อความว่า
"พวกเราไม่ได้เป็นผู้จัดการให้มีการชุมนุมในทั้งสองจุดแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้ผู้สนับสนุนให้มีการชุมนุมด้วย พวกเราเป็นเพียงตัวกลางในการส่งข่าวให้เพื่อนๆ ที่ขอร้องให้พวกเรา ช่วยส่งข่าวนี้ให้เพื่อนๆ ในเพจได้ทราบเท่านั้น แต่ทั้งนี้ พวกเราไม่ได้ขัดขวางกลุ่มอื่นๆ ที่จะทำกิจกรรมใดๆ (ที่มีเป้าหมายเดียวกัน) ทั้งสิ้น แต่พวกเราขอดำเนินกิจกรรมที่พวกเราเป็นผู้กำหนดข้อได้เปรียบ และกำหนดกติกาของพวกเราเองซึ่งก็คือสนามรบไซเบอร์แห่งนี้ ดังนั้น หากมีสิ่งหนึ่ง สิ่งใด เกิดขึ้นจากกลุ่มใด หรือใครก็ตาม นั้นจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเราทั้งสิ้้น"
นอกจากนี้ ทางกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ยังยืนยันที่จะทำสงครามไซเบอร์ โดยการโจมตีเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
ขณะที่เฟซบุ๊กของกลุ่มเครือข่ายพลเมืองเน็ตโพสต์ข้อความยืนยันเช่นกันว่า ทางเครือข่ายฯ ไม่เกี่ยวข้องกับการนัดชุมนุมทั้ง 2 แห่งในวันนี้ แต่สมาชิกของเครือข่ายจะไปสังเกตการณ์กิจกรรมที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร
ทางด้าน พล.ท.สรรเสริญ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีได้อเตือนกลุ่มที่นัดรวมตัวเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่า การรวมตัวดังกล่าวเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายและเป็นการสร้างความไม่สงบเรียบร้อย ขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบหรือ ยุติการเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่เตรียมบันทึกภาพเป็นหลักฐาน และดำเนินการตามหลักสากลแล้ว
พล.ท.สรรเสริญตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มที่ต่อต้านเริ่มทำเกินขอบเขตที่เหมาะสม และตั้งตัวเป็น "นักเลงแฮ็ก" และล้วงข้อมูลเสียเอง ซึ่งเป็นตัวอย่างของภัยคุกคามที่จำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายคอมพิวเตอร์
พล.ท.สรรเสริญยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายทำ "ซิงเกิล เกตเวย์" เพราะไทยต้องเชื่อมต่อข้อมูลจำนวนมาก การจะบังคับให้ทุกส่วนรวมถึงภาคเอกชน ใช้ช่องทางร่วมกันเพียงช่องทางเดียวไม่สามารถทำได้ และยังขัดกับนโยบายการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัลทุกรูปแบบ เพื่อก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0
ส่วนการตรวจสอบข้อมูลหรือปิดเว็บไซต์ หากเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อหลักศีลธรรม ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจรัฐบาลอาจขอดูการจราจรของข้อมูลเฉพาะเรื่องไม่ใช่การรวมศูนย์มาอยู่ที่เดียว และการตัดสินใจของรัฐบาลไม่ได้เกิดโดยลำพัง แต่ต้องผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง 9 คน และการพิจารณาของศาล