นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การกระทำของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) ขัดต่อประมวลประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและประมวลจริยธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ระบุว่าข้าราชการตำรวจต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ส่วนรวม โดยไม่ใช้เวลาราชการหรือทรัพย์ราชการ เพื่อธุรกิจหรือประโยชน์ส่วนตน ไม่ประกอบอาชีพเสริมที่มีลักษณะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน
นายศรีสุวรรณยังได้อ้างถึง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 103 ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย รวมทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2502 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2559 นายศรีสุวรรณเข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบกรณีที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.โดยพบว่านอกจากรายการทรัพย์สินแล้ว พล.ต.ท.ศานิตย์ ยังระบุว่า มีรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2558 ด้วย โดยได้เงินเดือนเดือนละ 50,000 บาท
ก่อนหน้านี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจงว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ได้กระทำผิดใดตามที่กฎหมาย และไม่ขัดต่อกฎหมายของตำรวจ