วันนี้ (21 ธ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งที่ 76/2559 เรื่องมาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้แข่งขันในอุตสาหกรรมได้ต่อเนื่อง เพราะเห็นว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมีส่วนช่วยส่งเสริมการศึกษาและการขับเคลื่อนประเทศ ผลจากคำสั่งนี้ ทำให้ผู้ประกอบการทั้ง 22 ช่อง มีเวลาในการจ่ายค่าประมูลเพิ่มอีก 3 ปี แต่ต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อปี ตามที่ กสทช.กำหนด
คำสั่งยังให้ กสทช.จ่ายค่าเช่าโครงข่ายสัญญาณดาวเทียม แทนผู้ประกอบการฟรีทีวีทุกรายรวม 2,500 ล้านบาท เพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มฟรีทีวีต้องจ่ายค่าเช่าเสาโครงข่ายให้กับบริษัท ไทยคม เอง เพื่อให้ออกอากาศได้ตามกฎมัส แครี่ย์ ซึ่งกำหนดให้ฟรีทีวีต้องออกอากาศได้ทุกช่องทาง เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับชมฟรีทีวีตามสิทธิขั้นพื้นฐาน
นอกจากนี้ ยังให้สิทธิส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ ถือครองคลื่นความถี่ต่อไปตามขอบเขตและสิทธิเดิม ทำให้หน่วยงานรัฐ ได้สิทธิถือครองคลื่นสถานีวิทยุต่อไปอีก 5 ปี รวม 537 สถานี จากเดิมที่จะต้องส่งคืนคลื่นความถี่วิทยุทั้งหมดกลับมาให้ กสทช.จัดสรรใหม่ภายในเดือนเมษายน 2560 ตามแผนแม่บทของ กสทช.
นายเขมทัตต์ พลเดช นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ เปิดเผยถึงภายหลังหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งที่ 76/2559 ว่า รู้สึกพอใจกว่าร้อยละ 50 เนื่องจากมี 2 ประเด็นตามที่เสนอไป ส่วนจะเลื่อนจ่ายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละสถานี แต่มีอีกหลายประเด็นจากนี้ที่ต้องขอหารือกับ กสทช.เพิ่มเติม เนื่องจากที่เคยเสนอขอไป ได้ไม่ครบทั้งหมด
ด้านนายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรี และ กสทช.ที่พิจารณายืดระยะเวลาการจ่ายค่าใบอนุญาตต่อไป ซึ่งถือเป็นการต่อลมหายใจ และจะมีเงินในการลงทุนทำเนื้อหาเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อ 5 เดือนก่อน ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล รวมตัวยื่นคำร้องต่อ คสช.ขอให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาสภาพคล่องและขาดทุนจากการทำทีวีดิจิทัล โดยมี 2 ข้อที่ทาง คสช.ไม่ได้พิจารณาช่วยเหลือตามข้อเรียกร้อง คือการต่ออายุใบอนุญาตจาก 15 ปีเป็น 20 ปี และขอลดค่าเช่าโครงข่ายจากผู้ให้บริการโครงข่าย