วันนี้ (8 ม.ค.2560) นอกจากการดูแลผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้แล้ว พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า แต่ละจังหวัดได้ประสานการทำงานกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ในการเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล ให้สอดคล้องกับทิศทางการไหลของน้ำ และสภาพภูมิศาสตร์ โดยใช้เรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือ และเครื่องสูบน้ำของ ปภ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด นอกจากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แล้ว ยังชื่นชมคนไทยที่ไม่ทิ้งกันยามเดือดร้อน พร้อมเน้นว่า สิ่งที่บริจาคให้กับผู้ประสบอุทกภัย ควรเป็นสิ่งที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และไม่เน่าเสีย พร้อมยืนยันภาครัฐบูรณาการการทำงานร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด ผ่านกองบัญชาการฯ ส่วนหน้า
ขณะนี้กระทรวงมหาดไทย ได้ประสานให้กรมบัญชีกลางอนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดรวม 9 จังหวัด ประกอบด้วย พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร เพิ่มเติมจังหวัดละ 50 ล้านบาท และยังอนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้การช่วยเหลือคล่องตัวมากขึ้น
พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ขณะนี้ กองทัพเรือได้ดำเนินการส่งเรือผลักดันน้ำ พร้อมเครื่องสูบน้ำไปยัง อำเภอชะอวด และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเร่งระบายน้ำ โดยเรือผลักดันน้ำนั้น จะสามารถผลักดันน้ำออกสู่ทะเลได้ 24 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที
การประชุมติดตามสถานการณ์ของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยกระทรวงมหาดไทย, นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองอธิบดี ปภ.ระบุว่า จากฝนตกหนักต่อเนื่อง แม้ระดับน้ำบางพื้นที่ลดลง แต่หลายพื้นที่ดินอิ่มตัวชุ่มน้ำ จึงประสานแจ้งเตือนไปยัง 3 จังหวัด คือนครศรีธรรมราช ใน อ.พิปูน ลานสกา และร่อนพิบูลย์ รวมถึง จ.สุราษฎร์ธานี ใน อ.พนม อ.คีรีรัฐนิคม อ.เกาะสมุย อ.เกาะพะงัน และ จ.ชุมพร ใน อ.สวี และ อ.หลังสวน ให้ระมัดระวังอันตรายจากดินโคลนถล่มในระยะนี้