วันนี้ (23 ก.พ.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อาพาธด้วยอาการหลอดลมอักเสบที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาก่อนมรณภาพในวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 แต่ตามพินัยกรรมฉบับล่าสุดที่จัดทำขึ้น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2543 มีพยานรับรองพินัยกรรม 4 คน มาจากตัวแทนมหาวิทยาลัยขอนแก่น และไวยาวัจกร วัดบ้านไร่ ภายในมีเนื้อหา ระบุว่า หลังการละสังขารให้ส่งมอบสรีระแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ 3 ปี จากนั้นก็ทำพิธีฌาปนกิจในปี 2561
พินัยกรรมระบุให้นายอำเภอด่านขุนทด, ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันเป็นผู้จัดการสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ โดยระบุว่า ไม่ประสงค์ให้ขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษใดๆ ขอให้จัดการอย่างเรียบง่าย ขอให้ฌาปนกิจที่วัดใน จ.ขอนแก่น ส่วนอัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมดให้นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ซึ่ง 3 ข้อนี้เป็นประเด็นที่ศิษย์วัดบ้านไร่หยิบยกขึ้นมาตั้งคำถาม เพราะมองว่าขัดกับพินัยกรรม จึงต้องการขอรับสรีระสังขารหลวงพ่อคูณไปดำเนินการที่บ้านเกิด ทั้งยังเพื่อแสดงออกถึงความเคารพรัก ความกตัญญูของลูกศิษย์ที่มีต่อหลวงพ่อคูณ
ขณะที่ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เหตุผลว่าไม่สามารถทำได้ เพราะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหลังเป็นอาจารย์ใหญ่ จะต้องเป็นไปตามพินัยกรรมที่ทำขึ้น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2543 โดยเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดหนองแวง พระอารามหลวง จ.ขอนแก่น หรือวัดอื่นใดที่คณะแพทย์เห็นสมควรและเหมาะสม โดยสถานที่ที่ใช้จัดงานพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ เบื้องต้น เตรียมใช้พื้นที่โดยรอบพุทธมณฑลอีสาน
อย่างไรก็ตาม ศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณท้วงติงว่าพุทธมณฑลอีสานอาจขัดกับพินัยกรรม เนื่องจากไม่ใช่วัด ซึ่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ระบุว่าหากมีการตีความว่านี่อาจไม่ใช่วัด คณะแพทยศาสตร์ในฐานะผู้จัดการสรีระสังขาร อาจจะพิจารณาคัดเลือกวัดที่เหมาะสม หรืออีกแนวทางคือการจัดตั้งวัดสาขา ภายในพุทธมณฑลอีสาน ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นไปตามที่พินัยกรรมระบุไว้อย่างชัดเจน