ความคืบหน้ากรณีผู้ประกอบการเรือหางยาวและสปีดโบ้ทกว่า 400 คน เรียกร้องให้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ลดค่าบริการสำหรับชาวต่างชาติ จากผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท เป็นผู้ใหญ่ 200บาท เด็ก 100 บาท
วันนี้(23 ก.พ.2560) นายณัฐพล รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะ เล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และยังไม่สามารถให้คำตอบเรืื่องการปรับลดค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานได้ แต่จะนำข้อเรียกร้อง รวมทั้งอุปสรรค ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ในภาพรวมเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ (PAC)ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ โดยจะเชิญตัวแทนจากผู้ประ กอบการเรือท่องเที่ยวในพื้นที่ ตัวแทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นักวิชาการร่วมกันพิจาร ณาประเด็นปัญหาจากข้อเรียกร้องในภาพรวมทุกมิติ เนื่องจากพบว่าขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้ลดลง โดยเฉพาะที่หมู่เกาะพีพี มากขึ้นถึงร้อยละ 20 เฉลี่ยวันละ 20,000 คน
ชี้เรือท่องเที่ยวพุ่งเกือบ 2,000 ลำ
นอกจากนี้ยังพบว่าจากยอดขึ้นทะเบียนเรือ ที่นำเที่ยวในพื้นที่มีสูงถึง 2,000 ลำ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 จอดให้บริการนักท่องเที่ยวแบบเหมาลำ บวกกับรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปซื้อแพคเกจทัวร์แบบเหมาจากบริษัททัวร์ในช่วงที่ผ่านมา จนส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่เดิมจะเช้าเรือตามท่าเรือไปตามอ่าวหรือเกาะต่างๆของหมู่เกาะพีพี ที่เคยเป็นผู้ประกอบการในท้องถิ่นหายไปมาก และปัจจัยเรื่องการกำหนดราคา มีการแข่งขันมีการตัดราคากันหรือไม่ มาตรฐานการท่องเที่ยว การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับศักยภาพรองรับของพื้นที่ ซึ่งจะต้องนำมาหารือในครั้งนี้อย่างจริงจัง
“ขณะนี้การท่องเที่ยวในหมู่เกาะพีพี และทะเลอันดามัน นักท่องเที่ยวไม่ได้ลดลง แต่ค่อนข้างโอเวอร์โหลดกับการรองรับในแต่ละพื้นที่ ขณะที่การจัดเก็บเงินรายได้ค่า ธรรมเนียมเข้าอุทยานฯมีเพิ่มขึ้นในรอบหลายปี อย่างพีพี ซึ่งปี 2559 จัดเก็บรายได้สูงกว่า 500 ล้านบาท เพราะนายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานฯคนปัจจุบัน อาสาเข้าไปแก้รอยรั่ว ซึ่งความเข้มงวดในการจัดเก็บเงินรายได้ อาจจะทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนไม่ชอบใจได้ จนเกิดความรู้สึกกดดัน จนต้องขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่”
รออธิบดีชี้ขาดลด-ขึ้นค่าธรรมเนียม
นายณัฐพล บอกว่า สำหรับอำนาจในการประกาศลดหรือขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ ขึ้นกับการพิจารณาของนายธัญญา ซึ่งหลังการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ จะเสนอให้นายธัญญา พิจารณา ให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และยืนยันว่าเป้าหมายกรมไม่ได้มุ่งให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก เพื่อให้มีรายได้เท่านั้น
ส่วน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บอกว่า กรณีที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ยื่นหนังสือเพื่อลาออก ตอนนี้ยังไม่มีการพิจารณา แต่จะเชิญหัวหน้าอุทยานแห่งชาติมาชี้แจงและทำความเข้าใจ เชื่อว่าน่าจะมีเหตุผลเรื่องของการทำงานในพื้นที่ และที่ผ่านมากรมอุทยาน ได้ให้กำลังใจอย่างเต็มที่ในการทำงาน ส่วนเรื่องของการของขึ้นค่าทำเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ หากจะมีการพิจารณาจะต้องเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของกรมก่อน ว่ามีความจำเป็นและเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน
เปิดเงินรายได้ “พีพี”ยอดทะลุ 700 ล้านบาท
ด้าน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติ โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว กรณีการประท้วงขอลดค่าเข้าอุทยานพีพี และข่าว หัว หน้าอุทยานพีพีขอย้ายออก โดยระบุว่าค่าเข้าอุทยานหมู่เกาะพีพี ไม่ได้เพิ่งขึ้น แต่ขึ้นมาหลายปีแล้ว อัตรา 400 บาท สำหรับชาวต่างชาติ สำหรับชาวไทย เก็บ 40 บาท หากจะเกิดปัญหาเรื่องการขึ้นค่าอุทยาน ควรเกิดมาหลายปีแล้ว มิใช่เพิ่งเกิด
นอกจากนี้ค่าอุทยานพีพีไม่ได้แพงที่สุด ยังมีอุทยานแห่งอื่น เช่น หมู่เกาะสิมิลันและหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา แพงกว่านี้ โดยเก็บชาวต่างชาติ 500 บาทต่อคน และอุทยานอีกหลายแห่งเก็บค่าเข้าคนต่างชาติเท่าหมู่เกาะพีพี หากต้องลดค่าธรรมเนียนเข้าอุทยาน ก็ต้องลดพร้อมกันทุกแห่ง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียม
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวใน 4 เดือน หมู่เกาะพีพี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ มากกว่า 464,000 คน ถือเป็นอุทยานที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดของไทย ในปี 59 เทียบ 4 เดือน ของเดือนต.ค.2559 -ม.ค.2560 นักท่องเที่ยวต่างชาติ 374,000 คน ปีนี้ 4 เดือน มีจำนวน 464,000 คน ดังนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปอุทยานพีพี ไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้น 90,000 คน หรือร้อยละ 24 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ดร.ธรณ์ ระบุว่า นับตั้งแต่หัวหน้าพีพี คนนี้มาทำงาน เก็บเงินค่าธรรมเนียมได้ 527 ล้านในปี 2559 และนับจากเดือนต.ค.2559 -ม.ค.2560 หรือ 4 เดือนเก็บเงินค่าธรรมเนียมเข้าหลวงได้อีก 182 ล้านบาท ต่างจากปี 57 อุทยานพีพีเก็บค่าธรรมเนียมทั้งปี 12 เดือน ได้ 24 ล้านบาท น้อยกว่าที่พีพีเก็บได้ในตอนนี้เพียง 1 เดือน มากกว่า 50 ล้านบาท
สำหรับข่าวหัวหน้าพีพีขอย้าย สอบถามแล้ว ทราบว่าทำหนังสือไปเอง ซึ่งเป็นการตัดสินใจของหัวหน้า ส่วนจะได้ย้ายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริหาร ก่อนหน้าเคยร่วมงานทำ พีพีโมเดล เพื่อแก้ปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่นี้