วันนี้ (24 ก.พ.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ที่สื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพ เด็กอนุบาลถูกมัดมือปิดตาในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดสุรินทร์ ว่าเป็นการลงโทษที่เด็กนำผลงานของรุ่นพี่มาเล่นเสียหาย
พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดี เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก เลี้ยงลูกนอกบ้าน หรือ หมอโอ๋ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าว ว่าในฐานะแม่มองภาพที่เกิดขึ้นกับหนูน้อยด้วยหัวใจที่เศร้าหมอง และระบุว่า วัยเด็กเป็นวัยที่สนุกในการเรียนรู้ การเล่นหลายครั้งจึงไม่รู้ว่ามันจะนำมา ซึ่งความเสียหายแบบที่ผู้ใหญ่มองเห็น ความผิดพลาดที่จะเกิดกับเด็กวัยแค่นี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ "ผู้ใหญ่ควรเข้าใจได้"
การสอนที่นำมาซึ่งความหวาดกลัว ทำให้มนุษย์เราตอบสนองโดยใช้สมองส่วนสัญชาติญาณการเอาตัวรอด ที่จะตอบสนองเพียง 3 แบบเท่านั้น และอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงลบ การลงโทษอาจไม่ได้นำมาซึ่งการพัฒนาที่แท้จริง และการลงโทษที่รุนแรง ส่งผลเสียหายต่อจิตใจทั้งในวันนี้และในระยะยาว และไม่แปลกใจ ว่าทำไมอาชญากรรมจึงเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศไทย เพราะหลายครั้งความรุนแรงถูกบ่มเพาะ "ที่โรงเรียน"
พญ.จิราภรณ์ แสดงความเห็นทิ้งท้ายว่า รักลูก อย่าเชื่อว่าความรุนแรงจะสร้างคนดี เพราะหลายครั้งเราก็เห็นได้ว่า ความรุนแรงสร้างผู้ใหญ่แบบไหนขึ้นมาในสังคม
ในกรณีนี้ ถ้าหมอเป็นครูที่อยู่ในเหตุการณ์ หมอจะตามเด็กมา เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ทำเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น หมอจะแสดงความเข้าใจในความผิดพลาดที่เกิดได้ สอนให้เด็กเข้าใจและเห็นใจในความรู้สึกเสียใจของพี่ๆ และเรียนรู้ที่จะขอโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ศักดิ์ เหมือนชาติ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์เขต 2 กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงบทบาทสมมุติของครูกับนักเรียนที่สอนเด็ก ซึ่งผู้ปกครองเด็กก็ได้พูดคุยกันแล้วไม่มีการเอาเรื่องแต่อย่างใด ยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“ครูที่เขาทำบอกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะลงโทษนักเรียนให้อับอายหรือให้เจ็บปวด เพียงแต่เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นเหมือนลักษณะที่ว่า พอเด็กไปเล่นซุกซน ทำลายเอกสารของคุณครู คุณครูก็เรียกเด็กมา เสร็จแล้วก็สอนเด็กในลักษณะว่า ถ้าเราโตขึ้นเราไปทำลายข้าวของของผู้อื่น อย่างนี้ มันก็จะมีความผิด ถ้ามีความผิดก็อาจจะถูกตำรวจจับ ถ้าตำรวจจับ เขาต้องใส่กุญแจมืออย่างนั้น” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายมนตรี โยมรัมย์ ผู้ปกครอง กล่าวว่าได้เสนอให้ย้ายครูที่ก่อเหตุออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของเด็ก เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ
ทั้งนี้ ผลการประชุมร่วมกันของ 2 ฝ่าย ครูผู้หญิงทั้ง 2 คน ยอมรับว่าเป็นผู้สั่งให้เด็กนักเรียนกระทำจริง พร้อมได้จ่ายค่าเยียวยา หรือ ค่าทำขวัญ ให้ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลทั้ง 2 คน คนละ 20,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท และขอย้ายตัวเองออกจากพื้นที่การศึกษา ตามข้อเรียกร้องของผู้ปกครอง