วันนี้ (24 ก.พ.2560 ) เวลาประมาณ 10:30 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่บริเวณประตู 5 เพื่อชี้แจง 6 ประเด็น ดังนี้
1.ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เมื่อวาน (วันที่ 23 ก.พ. 2560) ได้อนุญาตให้นำภัตตาหารของญาติโยมมาถวายได้ แม้จะไม่พอต่อจำนวนของพระเณรและสาธุชนหลายพันคนได้ก็ตาม จึงขอความกรุณาจากทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ อนุญาตให้ญาติโยมนำภัตตาหารมาถวายสังฆทานที่วัดได้ตามปกติ เพราะถือเป็นอริยะประเพณีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุญาตให้พระสงฆ์รับไทยธรรมจากทายกทายิกาผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาได้ เป็นการปฏิบัติหลักกิริยาวัตถุ 3 ประการ คือ ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา
2. แม้สถานการณ์บุกของเจ้าหน้าที่วันนี้จะไม่มี แต่ก็มีการกระชับพื้นที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อวาน โดยเฉพาะระยะแนวรั้วด้านหลัง ใกล้ๆ กับอาคารบุญรักษา ทำให้ญาติโยมที่อยู่นอกวัดและรอบๆ วัดที่เห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ มีความกังวลและเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพ ของพระสงฆ์สามเณร และประชาชนภายในวัด
3. กรณีหน่วยฉลามขาว ที่เคยเข้าไปตรวจพื้นที่บริเวณ หมู่ 6 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ แล้วมีการแถลงข่าวว่า มูลนิธิธรรมกายเข้าไปบุกรุกครอบครองป่าชายเลนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด มูลนิธิธรรมกายไม่เคยไปซื้อที่ดิน หรือ เข้าไปบุกรุก หรือ ยึดถือครอบครองในพื้นที่ป่าชายเลนในบริเวณพื้นที่ หมู่ 6 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่แต่อย่างใด มูลนิธิธรรมกายขอแจ้งให้ทราบว่าการไปยึดถือครอบครองของบุคคลใดๆ ก็ตามในพื้นที่ป่าชายเลน ที่หน่วยฉลามขาว เข้าไปตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มูลนิธิธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
4. กรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐ เพิ่มข้อหาและคดีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการบุกวัดนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนคดีไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นสำคัญ คือ ทางวัดไม่ได้ขัดขืน เพราะในช่วงวันที่ 16-17-18, 21, 22 ก.พ. เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาแล้วถึง 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 มาเฉพาะเจ้าหน้าที่ DSI และตัวแทนสื่อมวลชน
ครั้งที่ 2 DSI มาพร้อม ตำรวจนครบาล สุนัขตำรวจ และสื่อมวลชนจำนวนมาก
ครั้งที่ 3 DSI ทั้งอธิบดี รองอธิบดี นายตำรวจผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธแห่งชาติ สื่อมวลชนจำนวนมากและที่สำคัญ “เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี” ในวันนั้น ได้มีการปูพรมตรวจทั้งพื้นที่โซน A 196 และได้มีการซิล 15 อาคาร ซึ่งได้ทำการตรวจค้นไปก่อนหน้านั้นเรียบร้อยแล้ว
5. กรณีเจ้าหน้าที่รัฐ กล่าวว่า ไม่สามารถยกเลิก ม.44 ได้ เพราะเหตุที่ทางวัดขัดขืน ทางวัดขอปฏิเสธข่าวดังกล่าว วัดยอมรับสภาพ 3 หมายจับ, 300 กว่าคดี, จำนวนหน้าที่หลายพันนายคุมทุกประตูรอบวัด, ซีล 15 อาคาร, ปล่อยให้เจ้าหน้าที่หลายร้อยนายเข้าออกมาใช้พื้นที่ 2,000 ไร่ได้ ถือว่าไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด และที่สำคัญร่วมมือการตรวจค้น ตลอด 3 วันแรกอย่างจริงจัง และเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ครบทุกพื้นที่แล้ว
แต่เจ้าหน้าที่เองที่ผิดข้อตกลง “ค้นไม่พบ ไม่พบแล้ว ก็ยังไม่ยอมกลับ” ส่วนกรณีเกรงกลัวมือที่ 3 นั้น ที่วัดก็มีเพียงป้าๆ ผู้สูงวัย เด็กเยาวชน ที่ปีนกำแพงข้ามเข้ามา เพราะอยากเข้ามาทำบุญในวัด เพราะท่านปิดกั้นถนนทุกเส้นทาง ทุกประตู รอบวัด ไม่ยอมให้สาธุชนเข้ามาตามปกติ ที่สำคัญที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า อาจพิจารณาใช้มาตรการรุนแรง ด้วยการโรยตัวลงมาจับตัวพระเณรนั้น สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการสร้างความกังวล หวาดกลัว และหวั่นวิตกให้กับประชาชนแทบทั้งสิ้น
6.ขณะนี้ สังคมไทยและคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศ ต้องการเห็นความจริงใจและท่าทีที่เป็นมิตรของรัฐบาล ในการจัดการภารกิจนี้ด้วยความละมุนละม่อม และสร้างความปรองดองตามนโยบายปรองดองของรัฐบาลเอง และตามที่ประกาศ “คืนความสุข” ให้กับประชาชน เมื่อครั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ