ก่อนหน้านี้ ชาวมาเลเซีย เดินทางผ่านด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา วันละเกือบ 10,000 คน แต่ผลกระทบจากค่าเงินริงกิตตกต่ำทำให้ชาวมาเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยน้อยลง ทำให้ภาวะเศรษฐกิจบริเวนชายแดนซบเซาตามไปด้วยครับ
อาคารพาณิชย์ 2 ข้างทางใกล้กับด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ติดป้ายประกาศให้เช่าหลายคูหา หลังเศรษฐกิจบริเวนชายแดนเกิดภาวะตกต่ำเนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินมาเลเซียซึ่งอ่อนค่าที่สุดในรอบ 20 ปี และตกต่ำต่อเนื่องกว่า 2 ปี ซึ่งนายมานพ ทองมาก ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง อ.สะเดา จ.สงขลา ระบุว่า ในแต่ละวันแทบจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการทำให้รายได้ลดลงเป็นอย่างมาก
ส่วนบริเวนด่านพรมแดนสะเดา ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่ามีชาวมาเลเซียผ่านเข้ามาในพื้นที่ จ.สงขลา ค่อนข้างน้อย โดย มูฮัมหมัด ซากี ผู้ประกอบการนำเที่ยวมาเลเซีย ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจของมาเลเซียตกต่ำมาก ข้าวของเครื่องใช้มีราคาแพง แต่ค่าเงินต่ำลง โดยเฉพาะเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับค่าเงินบาทของประเทศไทยจะแตกต่างเป็นกันอย่างมาก
ด้าน พ.ต.ท. วีรวัฒน์ นิลวัตร รองผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสงขลาระบุว่า ผลกระทบจากค่าเงินริงกิตมาเลเซียตกต่ำ ทำให้ในแต่ละวันมีชาวมาเลเซียเดินทางผ่านด่านพรมแดนสะเดาเพียงแค่วันละประมาณ 4,000 คน เท่านั้นจากก่อนหน้านี้มีการเดินเข้ามาถึงวันละเกือบ 10,000 คน
ขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา 1 ริงกิตมาเลเซีย สามารถแลกเป็นไทยได้ 7.80 บาท ซึ่งถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี โดยโดยเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ 1 ริงกิตเคยแลกเงินไทยได้มาก 10 - 12 บาท ทำให้การค้าบริเวนชายแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ จ.สตูล ไปจนถึง จ.นราธิวาส ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง สถานการณ์ค่าเงินริงกิตตกต่ำ จึงไม่ได้กระทบเพียงแค่ชาวมาเลเซีย แต่ได้ส่งผลกระทบต่อคนไทยบริเวนชายแดนเป็นจำนวนมากเช่นกัน