จากกรณีกรมสรรพสามิตเตรียมออกกฎหมายลูกเพื่อกำหนดอัตราภาษีใหม่ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองรับร่างกฎหมายภาษีสรรพสามิต ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บภาษี โดยใช้ฐานภาษีจากราคาขายปลีกแนะนำแทนราคาขายส่ง และคิดภาษีทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณ ซึ่งจะทำให้เก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากขึ้น โดยอัตราภาษีเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 150
น.พ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ร่างกฎหมายสรรพสามิตฉบับใหม่เก็บภาษีลักษณะ 1+1 คือ เก็บทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณดีกรี ไม่เก็บตามปริมาตร ช่วยลดปัญหาความไม่เท่าเทียม แต่ส่วนของสุรายังมีความไม่เท่าเทียมในเรื่องของอัตราภาษี ซึ่งมีการแบ่งเป็นหลายประเภท ทั้งสุราขาว สุราผสม สุราพิเศษ และสุราปรุงพิเศษ อัตราภาษีก็จะไม่เท่ากัน
ดังนั้น การออกกฎหมายลูกเพื่อกำหนดโครงสร้างและอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ ต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้ด้วย เพื่อลดความไม่เท่าเทียมในการจัดเก็บภาษี รวมถึงคำนึงเรื่องของการขึ้นภาษีที่ต้องครอบคลุม ทั้งกระดานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะหากขึ้นแค่บางประเภท ผู้บริโภคจะหันไปบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีราคาถูกกว่าแทน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ร่างกฎหมายสรรพสามิต ฉบับใหม่ ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นกรมสรรพสามิต ต้องทยอยเสนอกฎหมายลูกอีก 80 ฉบับ เพื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอัตราจัดเก็บภาษีจริง
อธิบดีกรมสรรพสามิต ยืนยันว่า โครงสร้างภาษีใหม่ เป็นการปรับเพดานรองรับโครงสร้างในอีก 20 ปี ข้างหน้าไม่ใช่เป็นการกำหนดอัตราภาษีที่ต้องจัดเก็บจริงในปัจจุบัน เนื่องจากการจัดเก็บภาษีจริง ต้องให้รัฐบาลที่บริหารแต่ละช่วงเวลา พิจารณาการจัดเก็บให้สอดคล้องกับสถานการณ์