วันนี้ (6 มี.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง พร้อมกับทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด และร่วมกันฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม นายอัครกิตติ์ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวการดำเนินคดีนี้
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลทางการเงิน พบว่านายอัครกิตติ์ มีส่วนเกี่ยวข้องในทรัพย์สิน โดยเฉพาะรถยนต์ยี่ห้อลัมโบกินี่ของนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด เครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่สัญชาติลาว ที่ถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายอัครกิตติ์ เคยเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงที่มาของรถยนต์หรู 2 ครั้ง พร้อมยืนยันทุกครั้งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่ยืมเงินจากนายณัฐพลมาซื้อรถยนต์หรู ราคา 6,00000 บาท
ขณะที่ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ยืนยันว่า มีพยานหลักฐานในการดำเนินคดีอย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน รวมถึงการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน
"ข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงการเงิน เบนซ์รับประทานผลไม้พิษก็ต้องได้รับพิษ พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ โยงไปถึงใครก็แล้วแต่ จะรับไว้ด้วยประการใด ถือว่าทรัพย์สินก็ตกเป็นของแผ่นดินอยู่แล้ว" พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว
ผบช.ปส. ยังระบุว่า จะคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และจะนำตัวส่งฟ้องต่อศาลอาญาทันที หลังจากสอบสวนแล้วเสร็จ
ล่าสุด ทนายความ เปิดเผยว่า ตนเองมั่นใจในความบริสุทธิ์ หลักฐานและที่มาที่ไปของรถหรู หวังว่าศาลจะพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว
ขณะที่ทรัพย์สินของนายอัครกิตติ์ ที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดยึดและอายัดไว้ 4 รายการ มูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท ประกอบด้วย รถลัมโบกินี่ 1 คัน บิ๊กไบค์ 2 คัน และบัญชีเงินฝาก 1 บัญชี