ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กม.งาช้างบีบต้องรายงานทุกชิ้น ร้านค้าปิดหนีเหลือ 131 ราย

สิ่งแวดล้อม
14 มี.ค. 60
12:08
3,247
Logo Thai PBS
กม.งาช้างบีบต้องรายงานทุกชิ้น ร้านค้าปิดหนีเหลือ 131 ราย
ผอ.กองไซเตส ระบุ ประกอบการร้านค้างาช้างในไทยลดลงเหลือเพียง 131 รายจาก 215 ราย ในอนาคตเตรียมปิดตลาดค้างาช้างในไทย ขณะที่กรมศุลกากร ตรวจยึด นอแรดจำนวน 21 ชิ้นมูลค่า 120 ล้านบาท แอบซุกกระเป๋าเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ

วันนี้ (14 มี.ค.2560) นายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กูล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาไซเตส กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ.2558 และแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ส่งผลให้ผู้ที่ครอบครองงาช้างเดินทางมาขึ้นทะเบียนครอบครองงาช้างถูกต้องตามกฎหมายกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแล้ว 48,630 ราย แบ่งเป็นร้านค้างานช้างทั้งร้านเดิมและร้านค้าใหม่ 215 ราย

ขณะที่การตรวจสอบและเข้มงวดการค้างาช้างทั่วประเทศ ทำให้ร้านค้างาช้างแจ้งขอยกเลิกค้างาช้างแล้ว 84 ราย คือ ออกใบอนุญาตให้แล้ว 47 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบการครอบครอง 84 ราย จึงเหลือร้านค้างาช้างถูกกฎหมายเพียง 131 ราย โดยมีแนวโน้มผู้ประกอบการร้านค้างาช้างจะลดลงต่อเนื่อง เพราะการค้างาช้างเป็นเรื่องที่มีกระบวนการขั้นตอนยุ่งยากมากผู้ประกอบการจะต้องรายงาน และส่งบัญชีสต็อกสินค้างาช้างทุกชิ้นให้ตรวจสอบ จึงอาจเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยุ่งยาก


นายสมเกียรติ บอกอีกว่า ขณะที่ภาพรวมการค้างาช้างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะงาช้างแอฟริกาโดยใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่านลดลงจากความเข้มงวดของกฎหมายไทย ภายในไทยไม่ได้ค้าขายงาช้างแอฟริกา แต่ค้าขายงาช้างบ้าน จึงไม่ใช่ตลาดค้างาช้างผิดกฎหมาย ที่สำคัญกฎหมายไทยระบุจัดเจนว่าผู้ที่ครอบครองหรือซื้องาช้างแอฟริกามีความผิดตามกฎหมาย

เนื่องจากช้างแอฟริกาอยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองสัตว์ป่า ถือเป็นการผิดช่องว่างการกระทำความผิดลงและสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในอนาคตไทยจะปิดตลาดค้างาช้างในประเทศ โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการดำเนินงานแล้ว เช่น การจ่ายค่าชดเชยด้วยการรับซื้องาช้างจากร้านค้ามาทั้งหมดหรือไม่ แต่ผู้ที่ค้างาช้างเลี้ยงต้องไม่ได้รับผลกระทบ


ยึด"นอแรด”คาสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่า 120 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมศุลกากร ร่วมกับตำรวจ บก. ปทส.ตรวจยึด “นอแรด” จำนวน 21 ชิ้น น้ำหนักเกือบ 50 กิโลกรัม ได้ที่สนามบินสวุรรณภูมิมูลค่า 120 ล้านบาท การตรวจยึดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากร รับแจ้งว่ามีวัตถุต้องสงสัยคล้ายนอแรดในกระเป๋าเดินทาง จึงตรวจยึดไว้แต่ยังไม่ได้เปิดตรวจ จากนั้น พ.ต.ท.อรรถพล สุดสาย รอง ผกก.2 บก.ปทส. และ พ.ต.ท.อโนธร ศรีทองใบ สว.กก.2 บก.ปทส. ได้เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำการตรวจสอบกระเป๋าเดินทาง ปรากฏพบ นอแรด คละขนาด จำนวน 21 ชิ้น น้ำหนักรวม 49.4 กิโลกรัม

กระเป๋าเดินทางใบดังกล่าวติดบัตรผูกกระเป๋า ของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน ET 628 โดยเป็นกระเป๋าที่มีผู้เข็น กำลังจะเข็นผ่านช่องตรวจของศุลกากร เป็นผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 2 คนเป็นคนเข็น ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเอกซเรย์กระเป๋านั้น ผู้หญิง 2คนได้อาศัยจังหวะดังกล่าวเดินหลบหายไป


ส่วนผู้ชายคน พร้อมตำรวจยังคงอยู่ในจุดที่เอกซเรย์ และร่วมเป็นพยานในการเปิดกระเป๋าตรวจสอบด้วย โดยให้ข้อมูล 1 ใน 2 คนเป็นเพื่อนสาวที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ยืนยันไม่รู้ว่าภายในกระเป๋ามีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจยึด พร้อมนำของกลางไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรณภูมิ เพื่อขยายผลผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง