วันนี้ (27 เม.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังอยู่ระหว่างหาทางแก้ไขปัญหากรณีบริษัทเอกชน 1 ใน 5 รายที่ถูก ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ล็อตแรก ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวกรวม 28 รายเป็นจำเลย ได้กลับคำให้การระหว่างการไต่สวนในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยในชั้นการไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. บริษัทเอกชนรายนี้อ้างว่าได้เดินทางไปพบนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง เพื่อเจรจาซื้อขายข้าวผ่าน บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ในชั้นที่พนักงานอัยการเรียกไปทำคำเบิกความต่อศาล กลับอ้างว่าไม่ได้เดินทางไปพบนักการเมืองใหญ่ แค่ไปพบผู้ใหญ่รายหนึ่ง เพื่อตกลงเรื่องธุรกิจการค้าขายข้าวเท่านั้น ประเด็นดังกล่าวเป็นเหตุให้พนักงานอัยการผู้นำฟ้องคดี ไม่นำตัวขึ้นสืบพยานในชั้นศาล พร้อมกับทำหนังสือไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้เพิกถอนเอกชนรายดังกล่าวจากการเป็นพยาน
ทั้งนี้ ในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อต 2 ที่มีนายบุญทรง พร้อมทั้งนางปราณี ศิริพันธุ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอภิชาติ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ยังมีมติกันเอกชนรายนี้ไว้เป็นพยานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนชั้นที่พนักงานอัยการเรียกไปทำคำเบิกความต่อศาลแล้ว พยานอ้างว่าผู้ใหญ่หมายถึงนักธุรกิจใหญ่นั้น ก็ค่อนข้างกำกวม แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะตรวจสอบในประเด็นนี้อีกครั้ง เพราะในชั้นการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.พยานดังกล่าวพูดอย่างนั้นจริงๆ นั้น ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.เตรียมเข้าไปตรวจสอบคำให้การของเอกชนรายดังกล่าวแล้ว