ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 13.08 น. วันนี้ (2 พ.ค.2560) นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากในช่วงเช้าวันนี้ ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา พิพากษาจำคุกนายอุดม ศิริสอน จำเลยที่ 1 และนางแดง ศิริสอน จำคุกคนละ 5 ปี
โดยระบุว่ากรณีตายายเก็บเห็ด คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ตายายต้องรับโทษอาญาตามคำพิ พากษา 5 ปี แต่เคยได้รับโทษจำมาก่อนแล้ว 1 ปี 8 เดือน จึงเหลือโทษที่ต้องรับตามคำพิพากษาอีก 3 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้มีทางออกมี 2 ทาง คือการขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ ตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 และการขอพระราชทานอภัยโทษ กรณีการจะรื้อฟื้นคดีกลับมาพิจารณาคดีใหม่นั่น ต้องพิจารณาว่ามีข้อเท็จจริงปรากฎตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 มาตรา 5 หรือไม่
ซึ่งกรณีนี้ทนายความจะต้องไปยื่นคำร้องให้ยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ได้พิพากษาคดีนั้น โดยศาลที่รับคำร้องดำเนินการพิจารณาและทำความเห็นส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี พิจารณาเพื่อพิพากษายกคำร้อง หรือยกคำพิพากษาเดิม และพิพากษาว่าบุคคลนั้นมิได้กระทำความผิด ซึ่งเมื่อศาลรับคำร้องกองทุนยุติธรรม ก็ได้อนุมัติลอยเงินเพื่อใช้ในการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณารื้อฟื้นคดีดังกล่าว รายละ 1 ล้านบาทไว้แล้ว
ส่วนการพระราชทานอภัยโทษ ต้องดำเนินการตามมาตรา 259 พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่บัญญัติว่า ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษอย่างใดๆ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะทูลเกล้า ฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษจะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม