วันนี้ (31 พ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญานัดฟังคำพิพาษาคดีที่นายกิตติกร วิกาหะ และนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี ร่วมใช้มีดชิงทรัพย์โทรศัพท์จากนายวศิน เหลืองแจ่ม จนเสียชีวิต และ เมื่อเดือน ม.ค. คดีดังกล่าวนายกิตติกรและน่ายวศินร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ที่ตนกระทำผิดฯ, ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
คดีดังกล่าว จำเลยให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง คดีนี้ขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 4 ม.ค. นายกิตติกร วิกาหะ เข้าชิงทรัพย์นายวศิน เหลืองแจ่ม โดยใช้มีดทำร้ายร่างกาย เพื่อต้องการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจำเลยอ้างว่า ผู้เสียชีวิตพยายามขัดขืนต่อสู้ จึงใช้มีดแทง ไม่ตั้งใจจะทำให้เสียชีวิต
หลังจากเกิดเหตุ 2 วันตำรวจสามารถติดตามจับผู้ต้องหาได้ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมยังทราบด้วยว่า ในคืนวันเกิดเหตุที่นายกิตติกรทำร้ายนายวศิน เสียชีวิต ยังไปก่อเหตุชิงทรัพย์อีก 2 คดี รวมเป็น 3 คดีในคืนเดียวกัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลโคกครามและสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากร จำเลยเคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว 8 ครั้ง และล่าสุดพ้นโทษมาเมื่อ 14 ธ.ค.2559 ในข้อหาเสพพืชกระท่อม จากนั้นก็มาก่อเหตุซ้ำอีก
ล่าสุด ศาลพิพากษาโดยศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลย มีการพกพาอาวุธไปในเมือง ชิงทรัพย์และร่วมกันฆ่า เป็นความผิดกรรมเดียวกันหลายครั้งและเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมจึงตัดสินลงโทษหนักสุดคือ ลงโทษประหารชีวิต โดยศาลยังระบุว่า จำเลยให้การรับสารภาพไม่ใช่เพราะสำนึกผิดแต่เป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานกล้องวงจรปิด จึงไม่สมควรลดโทษให้