วันนี้่ (15 มิ.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนาก้าวที่ 40 มติชน ก้าวคู่ประเทศไทย 4.0 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มอบนโยบายให้กระทรวงการคลัง ประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนกฎระเบียบต่างๆ ให้เหมาะสม สามารถรองรับนวัตกรรมทางการเงิน (ฟินเทค) ซึ่งต่อยอดจากการเปิดสนามทดลองนวัตกรรมการเงิน (แซนด์ บ็อกซ์) โดยเฉพาะทบทวนระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนหน่วยข้อมูลทางการเงิน (บิตคอยน์) ซึ่งปัจจุบันกฎหมายของ ธปท.ไม่รองรับ แต่มีหลายประเทศเปิดตลาดในธุรกรรมดังกล่าว เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) อุตสาหกรรมฟินเทคในภูมิภาคซีแอลเอ็มวี โดยเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดูแลไม่ให้เกิดปัญหาการใช้ช่องทางดังกล่าว หลอกลวงเงินประชาชน
ขณะที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทบทวนกฎระเบียบเพื่อเปิดช่องทางลงทุนดังกล่าว มีหลายมิติที่ต้องศึกษาอย่างรอบคอบ แม้บางประเทศนำหน่วยข้อมูลทางการเงินบิตคอยน์ มาชำระสินค้าได้แล้วก็ตาม รวมทั้งไทยที่มีกลุ่มลงทุนบิตคอยน์ ทั้งที่ไม่มีกฎหมายรองรับและไม่มีผู้กำกับดูแลโดยตรง อย่างไรก็ตาม ธปท.กำลังศึกษาและไม่ได้ปิดกั้น แต่อาจเร็วเกินไปจะแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับทันที เนื่องจาก เป็นหน่วยข้อมูลการเงินที่มีความเสี่ยงและผันผวนสูง
นายวิรไทยังกล่าวถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งระยะนี้ว่า ค่าเงินบาทยังสอดคล้องกับภูมิภาค เพราะนักลงทุนกังวลปัญหาเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนในการดำเนินโยบายการคลังของสหรัฐอเมริกา แต่ตัวเลขเศรษฐกิจไทย ล้วนมีสัญญาณเป็นบวก ประกอบกับการเพิ่มทุนธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง และกรณีการคว่ำบาตรกาตาร์ ส่งผลให้บริษัทจัดการกองทุนนำเงินในกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) กลับเข้าประเทศ ประมาณ 200,000 ล้านบาท ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น