วันนี้ (20 มิ.ย.60) พนักงานสอบสวน ได้สืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานแน่ชัด เชื่อได้ว่านายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ต้องหาคดีระเบิด ได้กระทำผิดจริง จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาเพิ่มเติม และศาลได้อนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว ดังนี้
1.หมายจับเลขที่ 1428/60 ลงวันที่ 20 มิ.ย.2560 ของ สน.ดุสิต เหตุระเบิดที่ บก.ทบ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2550 เวลา 20.15 น.
2.หมายจับเลขที่ 1429/60 ลงวันที่ 20 มิ.ย.2560 ของ สน.ดุสิต เหตุระเบิดที่ ปากซอยราชวิถี 24 เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2550 เวลา 21.15 น.
ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส, มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายวัฒนาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามคำให้การ โดยจุดแรกบริเวณบ้านพักภายในซอยรามอินทรา 3 ซึ่งเป็นจุดที่พบแผงวงจร ไอซีไทม์เมอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด จุดที่ 2 บริเวณป้ายรถเมล์ ริมถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงภาพยนต์เมเจอร์รัชโยธิน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2550 ซึ่งนายวัฒนาได้นำไปป์บอมบ์ไปวางไว้บริเวณตู้โทรศัพท์ ก่อนจะตั้งเวลาให้เกิดระเบิดขึ้น และจุดที่ 3 บริเวณป้ายรถเมล์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นจุดที่นายวัฒนาลงจากรถเมล์และเดินเข้ามาในโรงพยาบาล ก่อนจะถือแจกันดอกไม้ที่ซุกซ่อนระเบิดใส่ถุงพลาสติกเดินเข้าไปวางไว้ที่ห้องวงษ์สุวรรณและเกิดระเบิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำนายวัฒนาไปควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท และวันพรุ่งนี้จะนำไปทำแผนปรพกอบคำรับสารภาพส่วนที่เหลือ คือ บริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า ถนนราชดำเนิน หน้าโรงละครแห่งชาติ หน้ากองทัพบก ราชวิถี 26 และ กฟผ.บางกรวย
ทั้งนี้ นายวัฒนา ก่อเหตุระเบิด 6 จุดในปี 2550 และปี 2560 ได้แก่ เหตุระเบิดตรงข้ามโรงภาพยนต์เมเจอร์รัชโยธิน, เหตุระเบิดที่ปากซอยราชวิถี 24, เหตุระเบิดที่ บก.ทบ., เหตุระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า วันที่ 5 เม.ย.2560, ระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ วันที่ 15 พ.ค.2560 และระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2560 ก่อนหน้านี้ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแล้ว 5 คดี ได้แก่ มีวัตถุระเบิดยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครอง ทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เสียทรัพย์ และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน