วันนี้(25 มิ.ย.2560)นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงการติดตามพลายสีดอแดง ช้างที่มีนิสัยเกเร และพังรั้วไฟฟ้า หนีออกจากโครงการจัดการช้างป่าออกพื้นที่ป่าอนุรักษ์เขาตะกรุบ ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว หลังจากถูกเคลื่อนย้ายจาก จ.จันทบุรี มาลงที่เขาตะกรุบเมื่อช่วงสายของวานนี้(24มิ.ย.)ได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง
โดยเจ้าพลายสีดอแดง ซึ่งเป็นช้างที่มีขนาดใหญ่น้ำหนัก 7.2 ตัน มีอาการหงุดหงิดเพราะถูกยิงยาซึม และเป็นช้างที่ไม่เคยถูกกักขัง หรือเคลื่อนย้ายขึ้นรถ เมื่อมาถึงพื้นที่แล้ว เดินงุ่นง่าน และวิ่งหนีไปยังแนวรั้วไฟฟ้าทันที ซึ่งแม้ว่าจะโดนไฟช็อตจนมีควันไฟขึ้นมา แต่ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่อตัวช้างและพลายสีดอแดงยังวิ่งเตลิดออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นทางโครงการได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามทันที
พบร่องรอยมูล-รอยเท้ามุ่งหน้าทิศใต้ของเขาตะกรุบ
“ เบื้องต้นช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ชุดติดตาม ยังไม่พบตัวเจ้าพลายสีดอแดง พบแค่มูลช้าง และรอยเท้า บนพื้นดิน รวม 4 จุด จับพิกัดได้ว่าเจ้าพลายสีดอแดง มุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ ของโครงการเขาตะกรุบ ผ่านไปยังหมู่บ้านสันตะวา และภายในวันนี้ อาจจะหลุดเข้าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ซึ่งจะเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ไม่เกิดอันตรายกับชาวบ้าน เนื่องจากเจ้าพลายสีดอแดง เคยมีประวัติทำร้ายคน และมีนิสัยเกเร”
นายเดชา บอกว่า ขณะนี้ยังต้องประเมินว่าหากเจอตัวเจ้าพลายสีดอแดงแล้ว จะเคลื่อนย้ายกลับมาอยู่ที่เขาตะกรุบ หรือไม่อย่างไร แต่เบื้องต้นได้รายงานให้นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทราบเรื่องนี้แล้ว และมีการเตรียมความพร้อมของทีมสัตวแพทย์และชุดติดตามอย่างใกล้ชิด โดยจะขอเวลาประเมินจากร่องรอยและทิศทางการเดินภายใน 24 ชั่วโมงนี้ก่อน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่โครงการเขาตะกรุบทราบ เพื่อระวังอันตรายจากช้างป่าสีดอแดง โดยลักษณะของช้างป่าสีดอแดง จะมีปลอกคอหลากสีติดอยู่ที่คอ หากพบเห็นให้เร่งประสานเจ้าหน้าที่ทันที
สำหรับพลายป่าสีดอแดง เป็นช้างพลายหนุ่มตัวใหญ่ น้ำหนักราว 7.2 ตัน มีประวัติเป็นช้างป่า ที่แตกออกมาจากฝูงใหญ่ มีพฤติกรรมเป็นช้างป่าอันธพาล นิสัยดุร้าย เคยมีประวัติทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิตมาแล้ว เดิมช้างป่าสีดอแดง จะหากินอยู่พื้นที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าคลองเครือหวายเฉลิมพระเกียรติ จ.จันทบุรี ต่อมาได้ตระเวนออกมาหากินบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ และในสวนผลไม้ของชาวบ้านพื้นที่ อ.มะขาม วนเวียนตลอดทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้