วันนี้ (4 ก.ค.2560) น.ส.ดวงแข ตันติตยาพงษ์ รองผู้จัดการ รักษาการแทนผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วหรือเลิกการศึกษาที่มีกำหนดครบชำระหนี้อยู่ประมาณ 3 ล้านคน โดยขอให้ผู้กู้ติดต่อชำระเงินคืนภายในวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี หากล่าช้าจะต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 12-18 ต่อปี ซึ่งผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
สำหรับผู้ชำระเงินกู้สามารถตรวจสอบยอดหนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ กยศ. www.studentloan.or.th ในวันที่ต้องการชำระเงิน เพื่อให้ได้ยอดที่ถูกต้องที่สุด จากนั้นให้กดพิมพ์รหัสการชำระเงิน หรือบาร์โคด และนำไปชำระผ่านธนาคารไปรษณีย์ไทย เคาน์เตอร์เซอร์วิส และธนาคารที่กองทุนฯ กำหนด
สำหรับการชำระหนี้คืนกองทุน กยศ.ให้ผ่อนชำระได้ 15 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 แบบลดต้นลดดอกโดยจะเริ่มคืนเงินหลังจบการศึกษา 2 ปี หรือ ปลอดการส่งเงินต้นเป็นเวลา 2 ปีปลอดดอกเบี้ย 3 ปี
การผ่อนชำระสามารถชำระได้น้อยที่สุดปีละ 1 ครั้ง ทุกวันที่ 5 ก.ค. หรือจะสะดวกชำระเป็นรายเดือนก็ได้ โดยการผ่อนชำระในแต่ละงวดเป็นการค่อยๆ เพิ่มเงินต้นแบบขั้นบันได นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ชำระหนี้ก่อนกำหนด โดยผู้กู้ยืมสามารถชำระหนี้คืนกองทุนทั้งหมด หรือบางส่วนในช่วงก่อนสำเร็จการศึกษา หรือช่วงระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีได้ โดยผู้กู้ยืมไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
ปัจจุบันกองทุนมีลูกหนี้กู้ยืมเงิน กยศ.จำนวน 8,000,000 คน ครบกำหนดชำระหนี้แล้ว 3,200,000 คน มีลูกหนี้ถูกฟ้องดำเนินคดีกว่า 900,000 คน มียอดหนี้รวมกว่า 90,000 ล้านบาท แต่ละปี กยศ.จะต้องฟ้องดำเนินคดีเกือบ 100,000 ราย
ในปี 2561-2562 กยศ.ก็มีแนวคิดที่จะนำข้อมูลประวัติการชำระเงินผู้กู้เงินกองทุนเข้าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งประเทศไทย หรือ เครดิตบูโรและในวันที่ 26 ก.ค.นี้ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 จะมีผลบังคับใช้ โดยสาระคัญคือ "นายจ้าง" มีหน้าที่จะต้อง "หักเงิน" จากรายได้ของลูกจ้างที่เป็นลูกหนี้ กยศ.เช่นเดียวกับการหักภาษีของกรมสรรพากรในแต่ละเดือน เพื่อส่งเงินให้ กยศ. โดยเบื้องต้น กยศ.จะเริ่มหักเงินเดือนลูกหนี้ กยศ.ที่เป็นข้าราชการก่อนประมาณ 200,000 ราย คิดเป็น มูลหนี้ 8 หมื่นล้านบาท