หากนับจากวันเกิดเหตุคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่ จ.กระบี่ วันที่ 11 ก.ค.2560 จนถึงวันแถลงข่าวความคืบหน้าคดี ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2560 เป็นเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น หากเทียบกับการคลี่คลายคดีใหญ่ๆ ที่มีความซับซ้อน และมีผู้เสียชีวิตมากขนาดนี้
หลังเกิดเหตุวันที่ 11 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางด่วนลงไปดูที่เกิดเหตุทันที พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา สบ.10 พล.ต.ท. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผบ.ตร.
การระดมผู้มีฝีมือมาทำงานใหญ่ เป็นเรื่องธรรมดาของทุกวงการ โดยเฉพาะวงการตำรวจ เมื่อมีคดีใหญ่ๆ เกิดขึ้น หน่วยที่ได้รับมอบหมาย มักระดมมือทำงานที่มีความเชี่ยวชาญ ไว้ใจได้ และรักษาความลับ มาช่วยงาน
ยิ่งคดีนี้ หากมองแถวหน้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร. 2 คน และที่ปรึกษาสบ.10 ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ส่วนอีกคนก็เป็นรุ่นพี่ นรต.35 ที่มากฝีมือ ได้รับมอบหมายให้คุมคดีนี้ และให้ข่าวได้เพียงคนเดียว คือ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน
ก่อนจะระดมนักสืบที่ผ่านประสบการณ์คลี่คลายคดีใหญ่ๆ มาทำงานชิ้นนี้ ก็ไม่พ้นเพื่อน นรต.36 และรุ่นน้อง ที่ทำงานสืบสวนร่วมกันมา ตั้งแต่สมัยอยู่กองปราบปราม และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้ง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภาค 7 พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง พล.ต.ท.ธเนตร พิณเมืองงาม ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.ภาค 8 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ภาค 9
เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 อย่าง พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ส. เป็นรอง ผบช.น. มาก่อน และเป็นนักสืบที่เก่งด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบการสื่อสาร ในคดีฆ่า 8 ศพ ถือว่าเป็นหัวหอกสำคัญ ในการคลี่คลายคดีอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ก่อเหตุนำโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตไปด้วย ทำให้ตรวจสอบจนรู้ว่า สัญญาณส่งมาจากพื้นที่ใด รวมถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างบังฟัตกับทีมสังหาร ที่มีการสื่อสารกันก่อนลงมือ เป็นแนวทางในการสืบสวนเพื่อต่อจิกซอร์ของปมสังหารได้ทั้งหมด
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. แต่เดิมเป็น ผบก.สส.บช.น. สมัยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังเป็น ผบช.น. เติบโตมาจากสายนักสืบ เชี่ยวชาญทางด้านคดีฆาตกรรม สมัยอยู่นครบาลเป็นหัวหอกในการคลี่ปมคดีฆ่าหั่นศพแฟนสาว จนจับกุมนายเสริม สาครราษฏร์ ได้ในที่สุด เป็นนายตำรวจที่ร่วมวิเคราะห์เหตุฆ่า 8 ศพ ที่ตำรวจพุ่งปมไปที่ความโกรธแค้นส่วนตัว มากกว่าความขัดแย้งด้านธุรกิจ
พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ หนึ่งในตำรวจนักสืบชุดของผบ.ตร. เป็นผกก.สส.น.8 ก่อนขึ้นเป็นพล.ต.ต. ในตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.ยะลา ล่าสุดมานั่ง ผบก.สส.บช.น. เคยเป็นหนึ่งในชุดไล่ล่าผู้ต้องสงสัย คดีลอบวางระเบิดราชประสงค์ จนสืบหาตัวผู้ลงมือนำมาสู่การจับกุมได้ในที่สุด
ขณะที่ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. นับว่าเป็นสายตรงของ พล.ต.อ.จักรทิพย์อีกคน เพิ่งมาเป็น ผบก.ป. เมื่อคราวโยกย้ายเดือนตุลาคมเช่นเดียวกัน เติบโตมาจากกองปราบ ตั้งแต่สมัย พล.ต.ต.คำนึง ธรรมเกษม เป็น ผบก.ป. ทำงานกับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.37 เป็นรองผกก.2 ป. สมัย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็น ผกก.2 ป. มากมายนับไม่ถ้วน
ส่วน พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภาค 7 ที่เข้ามาดูเรื่องกลุ่มมือปืนรับจ้าง ไม่ใช่ใครอื่น เป็นนักสืบที่เติบโตมาในสายนครบาล เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 กับ ผบ.ตร. ทำคดีสำคัญมาหลายคดี ตั้งแต่สมัยอยู่ กก.สส.น.เหนือ กองปราบปราม ผกก.191 ขยับมาเป็น รองผบก.สปพ. บช.น. เป็น ผบก.สส.ภาค 7 และรองผบช.ภาค 7
ด้าน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 อีกคน ที่เข้ามาดูเรื่องเส้นทางมือปืนรับจ้างให้คดีนี้ หลังจากเคยทำงานสืบสวนมาหลายคดี อย่างล่าสุดคดีวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้
นอกจากนี้ ยังมีตำรวจจากกองปราบปราม อาทิ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. และชุดสืบสวน กก. บก.ป. พร้อมด้วย ผกก.กลุ่มงานสืบสวน บก.สส.ภาค 8 ผกก.สืบสวน
โดยกองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียด ร่องรอย ในที่เกิดเหตุ และเร่งผลการตรวจชันสูตรศพผู้เสียชีวิต เนื่องจากผู้เสียชีวิตนับถือศาสนาอิสลาม ต้องทำพิธีฝังตามศาสนา หากล่าช้าอาจจะเกิดปัญหายุ่งยากได้ นอกจากนี้ ยังเร่งสอบปากคำผู้ที่รอดชีวิต นำมาประมวลหาความเชื่อมโยง สาเหตุที่ทำให้เกิดการฆ่า และกลุ่มผู้ต้องสงสัย
ส่วนชุดสืบสวน กองปราบปราม และชุดสืบสวนในพื้นที่ มีหน้าที่เสาะหาพยานแวดล้อม หาปมเหตุความขัดแย้ง ความเชื่อมโยง ปมขัดแย้งที่ทำให้เกิดเหตุเศร้าสลดดังกล่าว
นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือ มีทีมค้นหาหลักฐานทั้งในที่เกิดเหตุและหลักฐานอื่นๆ ทั้ง ภาพจากกล้องวงจรปิด เส้นทางหลบหนี และโดยเฉพาะในที่เกิดเหตุ ทั้งปลอกกระสุนปืน คราบเลือด รอยเท้า ลายนิ้วมือ การใช้โทรศัพท์ เส้นทางโอนเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ต้องมีหลายสิ่งที่ผู่ก่อเหตุทิ้งร่องรอยเอาไว้
หากนับจากวันเกิดเหตุจนถึงตอนแถลงข่าว บ่ายวันที่ 16 ก.ค.ก็นับว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ที่ใช้เวลาปิดคดีสั้นที่สุดก็ว่าได้