วันนี้(17 ส.ค.2560) ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่สำรวจสำรวจปัญหาน้ำท่วมเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ซึ่งถูกน้ำท่วมขัง บางจุดมีระดับความลึกเกือบ 50 เซนติเมตร และพบมีการท่วมขังตั้งแต่ 2 สัปดาห์ และบางจุดเกือบ 1 เดือนแล้ว หลังฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกลงทะเลได้
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมหลีเป๊ะ จ.สตูล พบว่าท่วมขังบ้านเรือนกว่า 400 หลังคาเรือนของชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านที่นี่ เล่าว่าต้องอยู่กับปัญหาน้ำท่วมอย่างนี้ทุกปี ตั้งแต่เอกชนก่อสร้างรีสอร์ทปิดทับคูคลองสาธารณะ ที่เคยเป็นทางระบายน้ำออกสู่ทะเล ซึ่งปีนี้ มีฝนตกมาก ทำให้ท่วมนานกว่าทุกปี
แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยการแจกถุงยังชีพ และยาเวชภัณฑ์ แต่ก็เป็นการช่วยเหลือเฉพาะหน้า ขณะที่ปริมาณน้ำยังคงท่วมขังยาวนานจนน้ำเริ่มเน่าเหม็น พวกเขาจึงอยากให้หน่วยงานรัฐแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือเปิดเส้นทางระบายน้ำตามธรรมชาติ
พิศักดิ์ หาญทะเล ชาวบ้าน ม.7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล บอกว่า ถ้ามีการเปิดทางระบายน้ำ ถ้ามีจะดีขึ้น เพราะถ้าท่วมก็ท่วมไมเยอะ แต่ถ้าไม่ยอมเปิดเปิดทุกปี ก็จะเป็นแบบนี้
ฉลวย หาญทะเล ชาวเลดั้งเดิมบนเกาะหลีเป๊ะ เธอก็ได้รับผลกระทบเพราะไม่มีทางระบายน้ำออก บอก ว่าไม่ใช่แค่ปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินระหว่างชาวเลกับเอกชนเท่านั้น ปัญหาน้ำท่วมขังยังเป็นอีกเหตุผลที่เอกชนใช้บีบให้ชาวเลออกจากพื้นที่นี้ด้วยเหตุผลที่เอกชนใช้บีบให้ชาวเลออกจากพื้นที่นี้ด้วย
เช่นเดียว อุไรวรรณ พาหุรัต ผู้ประกอบการร้านอาหารบนเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ยอมรับว่าน้ำท่วมกับกระทบกับการค้าขาย ถ้าปล่อยให้ท่วมนาน แบบนี้นักท่องเที่ยวก็คงไม่อยากมาเดินเที่ยว
ทีมข่าวลงพื้นที่ สำรวจเส้นทางคูคลองสาธารณะพบว่า ริมถนนที่น้ำท่วมขัง คือคูคลองสาธารณะยาวตลอดแนวไปจนถึงริมกำแพงของรีสอร์ทเอกชน กำแพงของรีสอร์ท คือจุดสุดท้ายที่ปิดเส้นทางน้ำ ทำให้พื้นที่นี้ยังมีน้ำท่วมสูง กระทบไปถึงย่านธุรกิจร้านค้าบนเกาะหลีเป๊ะ ที่อยู่อีกด้านหน้าของชุมชนชาวเลก็ยังไม่สามารถระบายน้ำได้
การแก้ปัญหาล่าสุดทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสตูลได้นำเครื่องสูบน้ำจำนวน 7 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกทะเล แต่ยังคงทำได้ล่าช้า เนื่องจากท่อส่งน้ำออกสู่ทะเลมีระยะทางไกลจากจุดสูบน้ำ โดยในวันศุกร์นี้จะเพิ่มเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อีก 2 เครื่อง คาดว่าภายใน 4 วันจะสูบน้ำที่ท่วมขังออกได้ทั้งหมด หาดฝนไม่ตกลงมาเพิ่ม
เสาวนีย์ นิ่มปานพยุงวงศ์ รายงาน