วันนี้ (31 ส.ค.2560) นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมนายวรวุฒิ วิบูลศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม รวมกันแถลงข่าวการตรวจยึดตัวนิ่มหรือลิ่นมีชีวิตจำนวน 136 ตัว และเกล็ดลิ่นอีก 450 กิโลกรัม ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย มูลค่ากว่า 2,500,000 บาท ซึ่งทั้งตัวนิ่มและเกล็ดตัวนิ่มถูกขึ้นบัญชีเลขที่ 1 ห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) และเป็นของต้องห้ามนำเข้าหรือนำผ่านตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
นายกุลิศ บอกว่า การจับกุมขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าครั้งนี้ ทีมงานของกรมศุลกากร สืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำตัวลิ่น และเกล็ดเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย โดยทยอยลักลอบเข้ามา และจะมีรถยนต์กระบะมารับสินค้าต่อในบริเวณจ.ชุมพร จึงได้สะกดรอย ติดตาม เมื่อรถกระบะต้องสงสัยเดินทางถึงเขตพื้นที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามของศุลกากรปราณบุรี เมื่อช่วงคืนวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว และขอเข้าตรวจค้นรถยนต์กระบะต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ผลการตรวจค้นเจอตัวนิ่มมีชีวิต จำนวน 136 ตัว และเกล็ดตัวนิ่มจำนวน 450 กิโลกรัม
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.นี้ กรมศุลกากร ยังได้จับกุมงาช้างลักลอบนำเข้าผ่านช่องทางพัสดุขนส่งระหว่างประเทศ จำนวน 6 กิ่ง น้ำหนักรวม 2.8 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 250,000 บาท อีกด้วย
ขณะที่ปีงบประมาณ 2560 กรมศุลกากร เคยจับกุมตัวนิ่มและผลิตภัณฑ์จากตัวนิ่มไปแล้วกว่า 2.9 ตัน มูลค่ากว่า 29 ล้านบาท และจับกุมงาช้าง และผลิตภัณฑ์จากงาช้างไปแล้วกว่า 16,730 ชิ้น น้ำหนักรวม 75 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 7.5 ล้านบาท สำหรับสถิติคดีที่เกี่ยวข้องกับสินค้าทั้งหมดที่ถูกขึ้นบัญชี ไซเตส ในปีงบประมาณ 2560 นั้น จับกุมมาแล้ว 34 คดี รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 246,167,564 บาท