จากรณี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าตรวจค้นร้านอาหารจีน ย่านทาวน์อินทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนว่าร้านดังกล่าวครอบครองและกักขังสัตว์ป่าสงวนและสัตว์คุ้มครองหลายชนิดไว้เพื่อปรุงอาหาร
วันนี้ (4 ก.ย.2560) ทีมข่าวไทยพีบีเอสลงพื้นที่สำรวจ พบว่า ร้านอาหารดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ขณะที่ พ่อครัวของร้าน ยืนยันว่า ไม่มีการนำวัตถุดิบและสัตว์ผิดกฎหมายมาปรุงอาหาร นอกจากภัตตาคารที่เพิ่งถูกตรวจค้นยังมีอีกแห่งที่ลูกค้าชาวจีนรู้จักกันดี เพราะเปิดขายมานานหลายสิบปี และมีโอกาสได้สำรวจภายในร้านโดยมีพนักงานพาไปดูบ่อกักสัตว์ เพื่อแสดงถึงความสดใหม่ก่อนนำมาปรุงอาหาร
ชายที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้าน ออกมาต้อนรับ และอธิบายถึงการนำสัตว์ป่ามาทำเมนูต่างๆ เขายอมรับว่า ตัวนิ่มเป็นสัตว์ป่าชนิดเดียวที่ทางร้านไม่นำมาสต๊อกไว้ ต้องสั่งล่วงหน้าโดยจะทำให้เฉพาะลูกค้าที่คุ้นเคยหรือไว้ใจได้เท่านั้นเจ้าของร้าน นิ่มต้องชั่งสดๆ ให้ลูกค้าดูตอนเป็นๆ
ตัวนิ่มมีทั้งหมด 8 สายพันธุ์กระจายอยู่ทั่วโลก โดย 2 สายพันธุ์ คือ นิ่มชวา หรือ มลายู และนิ่มจีน พบได้ในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ชาวจีนส่วนหนึ่งนิยมบริโภคนิ่มชวาเป็นยาบำรุงกำลัง โดยเฉพาะเกล็ดตัวนิ่มมักถูกนำไปเป็นส่วนผสมปรุงยารักษาโรค ตัวนิ่มจึงมีราคาสูงถึงหลักหมื่นบาทต่อกิโลกรัม เมื่อขนส่งถึงประเทศปลายทาง
แม้ตัวนิ่มอยู่ในบัญชีที่ 1 ของอนุสัตว์สัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ที่ห้ามค้าเด็ดขาด แต่ตัวนิ่มก็ยังได้ชื่อว่า เป็นสัตว์ป่าที่ถูกลักลอบล่าและค้ามากที่สุดในโลก มีรายงานว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีตัวนิ่มถูกฆ่าประมาณ 1 ล้านตัว