เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.2560) การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ หารือถึงแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ Start Up ให้เติบโต โดยจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะเสนอกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี จัดทำเป็นกฎหมายต่อไป และเพื่อให้กฎหมายเดินหน้าได้เร็วขึ้น รัฐบาลจะเสนอหัวหน้า คสช.ออกประกาศมาตรา 44 เร่งรัดดำเนินการร่างกฎหมายเพื่อบังคับใช้ภายปีนี้
นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ร.บ.นี้จะให้สิทธิประโยชน์กับ Start Up ที่มีนักลงทุนไทยและต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนด้วย จะได้รับการยกเว้นภาษีกำไรและเงินปันผลจากการขายทรัพย์สิน หรือ Capital Gains Tax ที่ซื้อขายหุ้นจากการลงทุนภายใน 5ปี เพื่อดึงนักลงทุนให้เข้ามาร่วมพัฒนา Start Up ไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหลังจากกฎหมายบังคับใช้แล้วจะมีเงินทุนจากต่างชาติมาร่วมลงทุนกับ Start Up มากขึ้น
สำหรับธุรกิจที่เป็น Start Up นั้น จะต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนมาแล้วไม่เกิน 60 เดือน และต้องทำธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี และใช้ R&D ในการพัฒนาโดยไม่ได้กำหนดวงเงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่งจะมีสิทธิประโยชน์จาก พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ รวมถึงจะตั้งคณะกรรมการที่มีนายกมนตรี เป็นประธานคัดเลือกบริษัทที่มีคุณสมบัติครบว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่
ปัจจุบัน ธุรกิจ Start Up มีเพียง 500 ราย ที่สามารถระดมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจได้ ขณะที่มีภาคธุรกิจที่เข้ามาจดทะเบียนเป็น Start Up ประมาณ 1,500 ราย และยังมี Start Up อีก 8,500 ที่ยังไม่จดทะเบียนนิติบุคคล