ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ชมกุล ฝ่ายกฎหมายบริษัทไทยทีวี เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทยังไม่ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังจากที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ระบุว่าหากบริษัทไทยทีวีไม่จ่ายค่าธรรมเนียมประกอบกิจการทีวีดิจิทัลที่ยังไม่ได้จ่ายอีก 5 งวดที่เหลือเป็นเงินกว่า 1,600 ล้านบาท ภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2558 ทางสำนักงาน กสทช. จะทำหนังสือแจ้งต่อธนาคารกรุงเทพในวันที่ 15 มิถุนายน เพื่อขอริบหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือแบงค์การันตีที่บริษัทไทยทีวีวางค้ำประกันไว้ในช่วงก่อนประมูลทีวีดิจิทัล
นายสุชาติ กล่าวว่าขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ เรื่องการจ่ายเงินค่าประมูลประกอบกิจการทีวีดิจิทัลที่ค้างอยู่อีก 5 งวด กว่า 1,600 ล้านบาท เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่อยู่ระหว่างการทำหนังสือโต้แย้งกับสำนักงาน กสทช. แต่มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องคดี กสทช. ด้วยเหตุที่สำนักงาน กสทช.ไม่ได้กำกับดูแลการเปลี่ยนผ่านการรับชมโทรทัศน์จากระบบแอนะล็อกไปสู่ระบบดิจิทัลตามแผนงานที่กำหนดไว้ เช่น การแจกคูปองส่วนลด 690 บาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนนำไปแลกซื้ออุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนผ่านการรับชม การวางเสาโครงข่ายสัญญาณดิจิทัล (MUX) ของผู้ให้บริการบางรายล่าช้ากว่าแผนงาน นอกเหนือไปจากเหตุผลที่บริษัทขาดทุนจากการทำธุรกิจช่องดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง เป็นเงิน 320 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท ไทยทีวี จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลและเจ้าของใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลช่องข่าวใช้ชื่อว่า "ไทยทีวี" และช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัวในช่อง "โลก้า” ได้ทำหนังหนังสือแจ้งถึง สำนักงาน กสทช. ว่าขอยกเลิกใบอนุญาตฯ ทั้ง 2 ช่อง โดยไทยทีวีได้ส่งแผนเยียวยาผู้ชมของทั้ง 2 ช่อง ให้คณะกรรมการ กสท.ตามเงื่อนไขแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยระบุว่าจะนำผังรายการไปออกอากาศในโครงข่ายในช่องทางดาวเทียมแทน
ส่วนประเด็นค่าธรรมเนียมประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ไทยทีวีประมูลได้ในราคา 1,328 ล้านบาท ยังค้างชำระอยู่ 1,107 ล้านบาท ส่วนช่องโลก้าประมูลในราคา 648 ล้านบาท ค้างชำระอยู่ 527 ล้านบาท