เมื่อวานนี้ (2 ต.ค.2560) นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงกรณีการเติบโตของธุรกิจสั่งซื้อและชำระสินค้าล่วงหน้า หรือพรีออร์เดอร์ตามเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียว่า เตรียมรวบรวมข้อมูลผู้ส่งสินค้าจากต่างประเทศที่มักสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหวังหลบเลี่ยงภาษีจากการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าที่ส่งทางไปรษณีย์มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท พร้อมปรับนโยบายจากเดิมจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปัญหาดังกล่าวเพียงไม่กี่คน แต่ปัจจุบันมีการตั้งทีมงานเป็นกรณีเฉพาะ เพื่อตรวจสอบสินค้านำเข้าที่อาจหลบเลี่ยงภาษี ควบคู่กับการใช้ข้อมูลข่าวกรองจากการติดตามพฤติกรรมผู้ค้าออนไลน์ ตามงานประมูลสินค้าแบรนด์เนมมือสองจากต่างประเทศ หากพบการกระทำความผิด จะถูกบันทึกชื่อและบริษัทในบัญชีดำ หรือแบล็กลิสต์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสินค้าที่นำเข้ามาอย่างเข้มงวดที่สุด จากปกติจะดำเนินการเพียงสุ่มตรวจเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ยังสามารถเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของตัวแทนออกของ หรือชิปปิ้ง ที่สำแดงราคาสินค้านำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตามอำนาจอธิบดีในกฎหมายใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ก่อนขึ้นบัญชีดำต่อไป ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อ หรือตั้งบริษัทใหม่
นายกุลิศ กล่าวอีกว่า การขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้ กรมฯ ต้องพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการตรวจสอบสินค้าทั้งด้านราคา, ข้อมูลสินค้านำเข้า, ฐานข้อมูลสถิติราคาเฉลี่ย ตลอดจนการเร่งติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์สายพาน ซึ่งสามารถตรวจจับสินค้าแบรนด์เนมที่อาจหิ้วเข้ามา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ ลดการรั่วไหล ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบลดขั้นตอนทำงานยื่นเอกสารขนถ่ายสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่ถูกกฎหมาย อย่างอาลีบาบา และลาซาด้า ที่มีแผนจะเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี