วานนี้ (8 ต.ค.2560) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า หลังมีกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียว่าโครงการ ร้านธงฟ้าประชารัฐ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ค้ารายใหญ่ในการนำสินค้าอุปโภคบริโภคมาผูกขาดในร้านธงฟ้าประชารัฐ เพื่อขายให้กับผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยยืนยันว่าได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกรายเข้าร่วมได้ โดยเน้นสินค้าจำเป็น ส่วนจะเป็นยี่ห้อใดนั้น ไม่ได้มีการจำกัดนอกจากนี้ยังเปิดให้นำสินค้าอื่นๆในชุมชน เช่น ไข่ไก่ พืชผัก ผลไม้ที่คนในชุมชนปลูก นำมาวางขายได้ด้วย
ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มใดเป็นพิเศษ และยังเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังได้เน้นกำชับให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตรอีดีซี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดเอื้อประโยชน์ธุรกิจให้กับนักธุรกิจที่เป็นผู้ค้ารายใหญ่ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่รัฐบาลต้องควักเงินทั้งสิ้น 41,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งดูแล้วไม่ต่างอะไรกับนโยบายประชานิยมในอดีตเลย
ด้าน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงขั้นตอนในการเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC ว่า เมื่อกระทรวงพาณิชย์ส่งรายชื่อร้านธงฟ้าประชารัฐ ให้กับกรมบัญชีกลาง หลังจากนั้นกรมบัญชีกลางจะส่งรายชื่อร้านค้าต่อให้ธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องให้แก่ร้านธงฟ้าประชารัฐต่อไป
ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐแล้ว จำนวน 19,500 ร้านค้า ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยติดตั้งเครื่องทั่วประเทศแล้วกว่า 5,061 เครื่อง โดยมีเป้าหมายติดตั้งเครื่อง EDC ให้ครอบคลุมทุกตำบล