วันนี้ (10 ต.ค.2560) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกระแสข่าวโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในสื่อออนไลน์ใน 3 ประเด็น คือ 1.การนำบัตรไปแลกเป็นเงินซึ่งมีการหักค่าหัวคิว 2.สิ่งที่รัฐบาลทำโครงการนี้เงินจะไหลเข้าสู่กลุ่มนายทุนหรือเจ้าสัวผู้เป็นเจ้าของกิจการที่นำของจำหน่ายในร้านธงฟ้า และ 3.ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่าเป็นผู้ที่กู้เงินจากธนาคารไม่ได้ โดยระบุว่าทั้งหมดทุกประเด็นเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งเป็นข้อห่วงใยจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการทำความเข้าใจโดยผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจในความพยายามแก้ไขปัญหาในอดีต ในการช่วยผู้มีรายได้น้อย
พล.ท.สรรเสริญ ชี้แจงแต่ละประเด็นเริ่มประเด็นแรกอธิบายว่า ในการบริหารงานมีทั้งรัฐมนตรี ผู้ที่ดูแลด้านนโยบายและข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้างผู้ปฏิบัติ และเแม้รัฐบาลเปลี่ยนไปแต่ระดับปฏิบัติยังเป็นคนเดิม ยอมรับว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่อาจมีบางคนกระทำการทุจริต และหากใครพบเห็นหรือมีเบาะแสข้อมูลให้แจ้งมายังรัฐบาล ซึ่งจะเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิด ทั้งร้านธงฟ้าที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรงตามความต้องการของประชาชน
ประเด็นที่ 2 ชี้แจงว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการอุ้มเจ้าสัว เพราะว่าร้านธงฟ้าในปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 20 รายและมีรายการสินค้ากว่า 40 รายการมีและประเภทสินค้ากว่า 300 รายการ กำลังมีผู้ประกอบการจากหลายส่วนกำลังเข้าร่วมโครงการอีกมาก ทั้งวิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกรของประชาชน กลุ่มเอสเอ็มอี
ประเด็นที่ 3 ข้อกล่าวหาว่า หากใครมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะกู้เงินไม่ได้ เมื่อพิจารณาจากผู้ที่ได้รับบัตรซึ่งมีฐานรายได้น้อยกว่า 100,000 บาทต่อปี หรือโดยเฉลี่ยต่อเดือนมีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งทำให้การกู้เงินปกติค่อนข้างลำบาก
พล.ท.สรรเสริญ ยืนยันว่า หากจะไม่ได้รับการอนุญาตให้กู้เงินจะไม่เกิดจากสาเหตุการเข้าร่วมโครงการนี้ แต่เป็นกฎจากธนาคารที่ต้องการความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ที่ปล่อยข่าวลือเป็นอดีตนักการเมืองในพรรคการเมืองหนึ่ง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ครม.ได้มีมติอนุมัติให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ให้ประชาชนที่ไม่มีรายได้ประจำ