วิกฤตหนี้ยุโรปพ่นพิษ ทำหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก
ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ร่วงหนัก ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกของนักลงทุน ทั้งจากเศรษฐกิจที่ง่อนแง่นของสหรัฐฯ และวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ร่วงหนักลงมากว่า 350 จุด ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปีพ.ศ.2551 ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อันมีสาเหตุเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ง่อนแง่นของสหรัฐฯ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขการว่างงานจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะชะลอตัวต่อไป นอกจากนี้ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในยุโรปก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นของสหรัฐฯ
ขณะที่ตลาดหุ้นของยุโรปก็ร่วงลงไปมากกว่าร้อยละ 3 เนื่องจากนักลงทุนพากันวิตกว่า อิตาลีและสเปน ซึ่งกำลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะ อาจต้องขอความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้คำกล่าวของนายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่ว่า ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปกำลังลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง ก็ยิ่งตอกย้ำความวิตกของนักลงทุน