วันนี้ (24 ต.ค.2560) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ได้แก้ไขคำสั่ง คสช.ตามอำนาจมาตรา 44 เพิ่มข้อกำหนดในการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อเร่งรัดเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน เพราะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะมีผลบังคับใช้ แต่ยืนยันหากร่างดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะไม่ขัดกับคำสั่งของ คสช. เพราะได้เขียนข้อกำหนดที่สอดคล้องกัน โดยมีสาระสำคัญ คือจากเดิมการทำผังเมืองต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ต้องใช้เวลามากกว่า 1-2 ปี ได้จัดกระบวนการดำเนินการใหม่ให้สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น โดยเริ่มต้นจากคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) จัดทำผังเมืองเพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ของอีอีซี คือ จ.ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไร จากนั้น นำเสนอขอบเขตของแผนคร่าวๆ ต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) เพื่อดำเนินการกับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการสื่อสาร ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย การบริหารจัดการน้ำ การควบคุมขจัดมลพิษ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน จากนั้นเสนอให้ สกรศ.รับทราบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จากนั้นส่งต่อให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำรายละเอียดแผนดังกล่าว โดยไม่ต้องคำนึงว่ากฎหมายผังเมืองจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ในอนาคต ประเทศไทยมีผังเมือง 2 รูปแบบ ได้แก่ ผังเมืองรวมโดยทั่วไป และผังเมืองที่ใช้เฉพาะกับจังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา, ระยอง, ชลบุรี