นับแต่ช่วงเวลาก่อนงานพระราชพิธีฯ ตั้งแต่วันที่ 24-25 ตุลาคม ชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศกว่า 150,000 คนต่างมีหัวใจดวงเดียวกัน คือมุ่งหน้าสู่ท้องสนามหลวง เพื่อร่วมส่ง "พ่อหลวง"สู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แทบทุกดวงตาและดวงใจ ร้ำไห้สะอื้น
ดวงใจดวงเดียวกัน ที่นั่งเฝ้ารอส่งเสด็จ ไม่มีใครถอย วินาทีที่ขบวนรถนำริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศมาถึง เรายังรู้สึกถึงความงดงามของประเพณีไทย คิดว่าโชคดีมากที่เกิดเป็นคนไทย แต่พอขบวนของพระองค์เสด็จมา ขนลุกใจหายวูบ จากที่อากาศร้อนมากๆ อยู่กลางแดด แต่กลับรู้สึกหนาววูบ ขนลุก และกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่สุดๆ ก้มลงกราบพระบรมโกศร้องไห้ รอบๆ ข้างก็ได้ยินแต่เสียงร้องให้ระงม น้ำตาเราหยดเป็นสาย เช่นเดียวกับที่เราเห็นคนข้างๆน้ำตาก็หยดเป็นสายเช่นกัน
น.ส.คัชรินทร์ พงษ์ราย ชาวกรุงเทพ กล่าวว่า ที่เดินทางไปที่สนามหลวง เพราะรักในหลวง อยากไปส่งเสด็จพระองค์ท่าน คือสิ่งแรกที่ตั้งใจ ตั้งแต่รู้ว่าในหลวงสวรรคตแล้ว มันหัวใจสลายสุดๆ ไปมาทุกครั้งที่มีโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความจงรักที่มีต่อพระองค์ ไม่ได้รู้สึกว่าจะลำบากจะร้อนหรืออะไรเลย ใจคิดแค่ว่า พ่อลำบากและทำเพื่อคนไทยมา 70 ปี มันน้อยนิดกับโอกาสที่จะมาร่วมงานในวันนี้
เธอ กล่าวว่า ต้องใช้เวลารอ และเข้าไปในสนามหลวง รวมทั้งหมด 30 ชั่วโมงได้ พอไปถึงได้เจอพี่ป้า น้า อา หรือแม้แต่เด็กเล็กๆ ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ความรักที่ในหลวง ทรงทำให้คนไทยมันมากขนาดไหน แต่อย่างน้อยได้เห็นดวงใจรักดวงเดียวกันทั้งประเทศ ที่มาเพื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ทั้งๆ ไม่อยากให้ถึงวินาทีสุดท้ายก็ตาม แต่พระราชพิธีฯ และริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ งดงามสมพระเกียรติมากๆ เป็นความสุขที่จะไม่มีวันลืม นอกจากความสุขแล้ว ยังรู้สึกมีบุญยิ่งนักที่ได้มาใกล้ชิดพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการปฏิรูปประ เทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวว่า วันที่ 26 ตุลาคม 2560 เดินข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า บรรยากาศช่วงเวลา 02.30 น.มาแบบชาวบ้านร่วมเดิน และนั่งกับพี่น้องประชาชน ที่บางคนมาคอยกันอยู่ 2 วัน ผ่านทั้งฝน และแดดอันร้อนแรง บางคนเพิ่งเข้าบางกอกเป็นครั้งแรก แต่มาด้วยความรัก ในหลวงรัชกาลที่ 9 ช่วงนี้พี่ ๆ น้องๆ มีทั้งนั่งหลับ และนอนหลับกันอยู่กลางถนน ทุกคนเตรียมมาส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ช่วงเย็นวันนี้ครับ
เช่นเดียว นางสุดาพร ฆาตนาค ชาวบ้านจังหวัดกาฬสินธุ์ บอกเล่า ความรู้สึกว่าตั้งแต่ดูโทรทัศน์ถ่าย ทอดพระราชพิธีในช่วงเช้าก็ร้องไห้ น้ำตาไหลตลอด ส่วนตัวพ่อแท้ ๆ เสียชีวิตตั้งแต่เรายังเด็ก พระองค์ก็เลยเป็นเหมือนพ่อแท้ ๆ
เหมือนเราสูญเสียพ่อที่เคยเห็นหน้า เคยได้ยินเสียงทุกวัน เราจะไม่ได้เห็น ไม่ได้ยินเสียงท่านแล้ว มันใจหาย แต่ก็คิดว่าชาติหนึ่งได้เกิดมาบนแผ่นดินของพ่อหลวงนับว่าเป็นบุญสูงสุด ขณะที่มีการประกอบพิธีเผาดอกไม้จันทน์ เราเห็นแต่ไฟ เพราะทำหน้าที่จิตอาสาอยู่แต่ก็รู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อพ่อหลวง ได้มาส่งพ่อหลวงสู่สวรรคาลัยตรงนี้ ก็มีความสุขมากแล้ว ต่อไปตั้งใจจะทำตามพ่อหลวง ขยัน หมั่นเพียร อดทน ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ช่วยได้
เธอ บอกว่า อยู่มา 57 ปี เห็นแต่ในหลวง ทรงงานหนัก ไปต่างจังหวัด ถือแผนที่ ถือกล้อง อย่างบ้านเราอยู่ภาคใต้ ลำบากแค่ไหน กันดารแค่ไหน เพียงแค่ท่านเสด็จไปทุกอย่างก็จะดีขึ้นและเรียบร้อย ท่านเป็นพ่อที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ไม่ว่าเราจะเจอรูปท่านที่ไหน ในโทรทัศน์ ในหนังสือพิมพ์ หรือป้ายต่าง ๆ เราก็จะไหว้ และระลึกถึงสิ่งที่ท่านทำเสมอ เพราะเรารู้ว่าพ่อทำเพื่อเราชาวไทยทุกคนมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
ขณะที่ในช่วงเวลา 22.00 น.วานนี้ ช่วงของพระราชพิธีถวายพระเพลิงจริง ยังเกิดปรากฎการณ์บนโลกออนไลน์ที่พร้อมใจกันร่วมโพสต์ข้อความ พระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช