วันนี้ (22 พ.ย.2560) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยระหว่างเข้าให้ข้อเสนอแนะต่อการปฏิรูปการเมืองว่า มาในฐานะส่วนบุคคลในการให้ข้อเสนอแนะตามกรอบที่จัดทำแผน ส่วนข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือให้จัดลำดับวาระเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในช่วงระยะการเปลี่ยนผ่านก้าวสู่การเลือกตั้ง โดยใช้โอกาสความไม่ปกตินำมาปฏิรูปทางการเมือง เช่น ก่อนการแข่งขันต่อสู้ทางการเมืองในการเลือกตั้งควรมีแนวทางที่ทำความเข้าใจต่อทุกฝ่ายในสังคม ต่อการแข่งขันทางการเมืองในอนาคตควรเป็นรูปแบบใด อะไรที่ควรเปลี่ยนแปลงไปในทางสร้างสรรค์ สอดรับที่จะผ่อนคลายการทำกิจกรรมการเมือง ให้สอดคล้องกับกฎหมายเลือกตั้ง และอยากเห็นมาตรฐานทางการเมืองด้านปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ผลประโยชน์ทับซ้อน มาตรฐานเชิงจริยธรรม เพื่อชี้ให้เห็นภาพการเมืองที่ปรารถนาให้เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งควรทำให้เกิดขึ้นนับแต่นี้ เพราะหากการเมืองจะ ปฏิรูปได้นั้น วัฒนธรรมทางการเมืองต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงก่อน หากไม่เกิดขึ้นการเมืองก็เปลี่ยนยาก และยากที่จะประเมินบรรยากาศบ้านเมืองพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ แต่จะชัดเจนเมื่อพรรคการเมืองเดินหน้าตามกฎหมายใหม่ ส่วนเรื่องอื่นๆ เคยหารือมาเยอะ และอีกหลายเรื่องมีกรอบที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไว้แล้ว
นายอภิสิทธิ์ ระบุถึงเป้าหมายของ คสช.ที่จะจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งทั่วไป แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องยังปรับแก้ไม่แล้วเสร็จว่า ได้เสนอแนะความเห็นแล้วว่าต้องตัดสินใจว่าจะปฏิรูปท้องถิ่นหรือไม่ ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลายอย่าง ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง และกล่าวขอบคุณนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่าต้องสะสางมาตรา 44 ด้วยการคืนสถานะให้แก่บุคคลที่ไม่มีความผิด เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดการเลือกตั้งจะไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ และควรหารือกับ กกต.ว่าหากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นและการเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดปัญหาในการจัดการหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังผ่านมาแล้ว 3 ปี ขณะที่เป็นปีสุดท้ายของ คสช.ในฐานะพรรคการเมืองต้องการเห็นแผนเร่งด่วนเฉพาะหน้าว่าระยะเปลี่ยนผ่านต้องดำเนินการอะไร เช่น การทำความเข้าใจร่วมกันต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง คสช. พรรคการเมือง และเอ็นจีโอให้เข้าใจตรงกันถึงสาเหตุของปัญหาที่ผ่านมาอย่างตรงกัน แม้ คสช.จะเชิญไปร่วมรับฟัง แต่ไม่มีการแลกเปลี่ยนความเห็น ทบทวนหาจุดร่วมที่แท้จริง ทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันยาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเดินหน้าปรองดอง ซึ่งผ่านมาแล้ว 3 ปีของการดำเนินการปฏิรูปในทุกด้าน คสช.ยังไม่เห็นภาพที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ โดยขอให้ คสช.ทบทวน เชื่อว่ายังมีเวลาเพียงพอที่จะเริ่ม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการดำเนินกิจกรรมการรวบรวมข้อมูลของสมาชิกพรรคว่า อยู่ระหว่างการหารือกับ กกต. และหากได้รับความร่วมมือจากทะเบียนราษฎร์ อาจจะได้ทำข้อมูลล่าสุดพรรคที่สะดวกและง่ายที่สุด พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกพรรคอยู่ 2.8 ล้านคน ซึ่งต้องไปดูว่ามีใครเสียชีวิต ย้ายที่อยู่ ขณะที่ กกต.จะดูเพิ่มเติมอีกในคุณสมบัติใหม่ในกฎหมาย พร้อมมั่นใจว่าพรรคจะดำเนินการได้ทันภายในกรอบ 90 วัน หากใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่อาจใช้เวลา 1-2 วัน และยังไม่เห็นความจำเป็นที่ กกต.ยื่นเรื่องต่อ สนช.ให้แก้กฎหมายลูก ถ้าตั้งใจทำตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์น่าจะเสร็จ